Page 76 - ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 9
P. 76

9-66 ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา

ใช้ใ​นก​ ารบ​ ริหารท​ รัพยากรบ​ ุคคลต​ ้องด​ ำ�เนินก​ ารใ​ห้ค​ รอบคลุมท​ ุกด​ ้าน เช่น การเ​ลือกค​ นเ​ข้าท​ ำ�งาน การพ​ ัฒนา​
บุคคล การบ​ ริหารผ​ ลง​ าน การว​ างแผน​ความ​ก้าวหน้าข​ อง​บุคคล และก​ าร​บริหาร​ตำ�แหน่งแ​ ละ​ค่าต​ อบแทน

       1.3 	การ​มีแ​ ผนการ​ดำ�เนิน​งาน​ที่แ​ ข็ง​แรง โดย​แผนการ​ดำ�เนิน​การ​ใน​การ​ใช้​การ​บริหาร​สมรรถนะ​ต้อง​
ได้ร​ ับ​การย​ อมรับจ​ ากท​ ุก​ฝ่าย มี​ความ​ชัดเจน​ใน​การด​ ำ�เนิน​งาน​ใน​แต่ละ​ช่วงง​ านแ​ ละ​ช่วงเ​วลา มี​การส​ นับสนุน​
ด้านบ​ ุคลากร งบป​ ระมาณ​และ​วิชาการ​อย่างเ​ต็มท​ ี่ ทั้งนี้​เพื่อจ​ ะ​ได้​ดำ�เนินก​ าร ได้ใ​น​ระยะ​ยาว และต​ ่อเ​นื่อง มี​
กฎ​และร​ ะเบียบ​ปฏิบัติร​ องรับ มี​ระบบ​การ​ติดต่อ​สื่อสารท​ ี่เ​ข้ม​แข็ง ระบบก​ าร​ฝึกอ​ บรมท​ ี่ด​ ี​และ​มี​ระบบก​ าร​วัด​
และป​ ระเมินผ​ ล​ที่ด​ ี​และ​เป็น​ที่​ยอมรับ

       1.4 	การ​มีร​ ะบบ​การ​กำ�กับ ติดตาม และป​ ระเมินผ​ ลก​ ารป​ ฏิบัติง​ าน​ที่​ต่อเ​นื่อง​และม​ ีป​ ระสิทธิภาพ จะ​
ทำ�ให้ท​ ราบค​ วามก​ ้าวหน้า​ของ​งานการ​บริหาร​สมรรถนะ สามารถ​ปรับปรุง​และแ​ ก้ไข​ปัญหา​และ​อุปสรรค​ได้ท​ ัน​
ท่วงที ทำ�ให้​การ​ปรับ​แผนการด​ ำ�เนินง​ าน​เป็นไ​ปอ​ ย่าง​เหมาะส​ ม

2. ปัจจยั ​ที​ม่ ีผ​ ลต​ ่อค​ วาม​ลม้ ​เหลว (Factors resulting in project failure)

       2.1 	การ​มี​ทีม​งาน​ที่​อ่อนแอ​และ​ขาด​ผู้​เชี่ยวชาญ​ที่​มี​ความ​รู้​และ​ความ​ชำ�นาญ​ใน​เรื่อง​การ​บริหาร​
สมรรถนะ​อย่าง​แท้จริง หาก​มี “project champion” หรือ​ผู้​มี​ความเ​ยี่ยม​ยอดใ​นเ​รื่องน​ ี้​มา​รับ​ผิดช​ อบง​ าน​นี้​
จะ​ทำ�ให้​ประสบ​ความ​สำ�เร็จ เพราะ​เขา​จะ​มี​ความ​รู้​ความ​เข้าใจ​เกี่ยว​กับ​การ​บริหาร​สมรรถนะ​ทุก​กระบวนการ
ทุก​ขั้น​ตอน สามารถ​ทำ�ความ​เข้าใจ​กับ​ผู้​บริหาร​ระดับ​สูง และ​ผู้​เชี่ยวชาญ​แต่ละ​ด้าน​ใน​การ​ปฏิบัติ​งาน​ได้ ดัง​
นั้น หากข​ าด​ผู้​บริหารโ​ครงการ​ที่ม​ ี​ความ​รู้ ความ​สามารถ​ในเ​รื่องน​ ี้​อย่าง​แท้จริง จะ​ทำ�ให้​การบ​ ริหาร​สมรรถนะ​
ในอ​ งค์การล​ ้มเ​หลวไ​ด้

       2.2 	การ​ขาด​แรง​สนับสนุน​จาก​ผู้​บริหาร​ระดับ​สูง​และ​บุคลากร​ใน​องค์การ ใน​การ​นี้​หาก​มี​ผู้​บริหาร​
โครงการ​ที่​มี​ความ​สามารถ​สูง เขา​จะ​ทำ�การ​ชี้แจง​ต่อ​ผู้​บริหาร​ระดับ​สูง​ได้​ดี รวม​ทั้ง​ประสาน​กับ​บุคลากร​ทุก​
ฝ่ายในอ​ งค์การ ทำ�ให้​ได้ร​ ับแ​ รงส​ นับสนุนแ​ ละร​ ่วมม​ ือจ​ ากผ​ ู้บ​ ริหารแ​ ละท​ ุกฝ​ ่าย รวมท​ ั้งท​ ีมง​ านแ​ ละผ​ ู้เ​ชี่ยวชาญ​
ใน​แต่ละ​ด้านเ​ป็นอ​ ย่างด​ ี

       2.3 	การ​ที่​แต่ละ​ฝ่าย​มอบ​หมาย​ภารกิจ​การ​บริหาร​สมรรถนะ​ให้​เป็น​ภาระ​หน้าที่​ของ​ผู้​เชี่ยวชาญ​แต่​
ฝ่ายเ​ดียว ก็อ​ าจท​ ำ�ให้แ​ ผนการด​ ำ�เนินง​ านล​ ้มเ​หลว เนื่องจากผ​ ู้เ​ชี่ยวชาญม​ ีค​ วามช​ ำ�นาญง​ านเ​ฉพาะด​ ้านเ​ท่านั้น
ไม่รู้​จัก​องค์การ กระบวนการบ​ ริหาร​องค์การ ทำ�ให้ไ​ม่​สามารถ​ประสาน​งาน​กับบ​ ุคคล​และห​ น่วย​งานภ​ ายในไ​ด้
ซึ่ง​ภาร​กิจ​เหล่า​นี้​ควรเ​ป็น​ของผ​ ู้จ​ ัดการห​ รือผ​ ู้บ​ ริหาร​โครงการท​ ี่​รับผ​ ิดช​ อบ​งาน​โดยตรง

       2.4 	การข​ าดบ​ คุ ลากรใ​นช​ ว่ งก​ ารว​ ดั แ​ ละป​ ระเมนิ ส​ มรรถนะบ​ คุ ลากร หากม​ บ​ี คุ ลากรใ​นอ​ งคก์ ารจ​ �ำ นวน​
มากท​ ี่ต​ ้อง​ได้ร​ ับก​ ารป​ ระเมินแ​ ละ​มี​ระยะ​เวลาอ​ ัน​จำ�กัด ในช​ ่วง​เวลาอ​ ัน​สั้นๆ เช่น เวลา 3 เดือน เป็นต้น ใน​การ​
ประเมินส​ มรรถนะบ​ ุคลากรต​ ้องป​ ระเมินโ​ดยท​ ีมง​ านท​ ี่ป​ ระกอบด​ ้วยบ​ ุคคล หลายฝ​ ่าย ทั้งเ​จ้าห​ น้าที่ป​ กติแ​ ละผ​ ู​้
เชี่ยวชาญด​ ้านก​ ารว​ ัดแ​ ละป​ ระเมิน นักจ​ ิตวิทยา นักว​ ัดผล นักส​ ถิติแ​ ละค​ อมพิวเตอร์ ฯลฯ อาจท​ ำ�ใหข้​ าดแคลน​
กำ�ลัง​คน​ที่​จะ​ต้องใ​ช้​ในช​ ่วง​นี้

       2.5 	การข​ าดก​ ารส​ นบั สนนุ ด​ า้ นง​ บป​ ระมาณแ​ ละค​ า่ ใ​ชจ​้ า่ ย เนือ่ งจากก​ ารบ​ รหิ ารส​ มรรถนะเ​ปน็ ง​ านร​ ะยะ​
ยาว ต้องม​ ีค​ ่า​ใช้​จ่ายอ​ ย่างต​ ่อ​เนื่อง ทั้ง​ค่าใ​ช้จ​ ่าย​ในด​ ้าน​บุคลากร วัสดุอ​ ุปกรณ์ วัสดุค​ อมพิวเตอร์แ​ ละอ​ ื่นๆ
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80