Page 24 - วิถีไทย
P. 24

2-14 วถิ ีไทย
ในยคุ นน้ั ยงั มเี ทคโนโลยตี ำ�่  มกี ารรวมกลมุ่ กนั เลก็ ๆ และอยใู่ นสภาพรอ่ นเรพ่ เนจร อยไู่ มเ่ ปน็ ที่ สมยั หนิ เกา่
ในดินแดนประเทศไทย มีอายุต้ังแต่ 7,000 หรือ 8,000 ปีข้ึนไปเป็นอย่างน้อย17 มีตัวอย่างร่องรอยของ
มนษุ ยย์ คุ นอี้ ยทู่ ภี่ ปู ลารา้ จงั หวดั อทุ ยั ธานี เขาจนั ทรง์ าม อำ� เภอสคี วิ้ จงั หวดั นครราชสมี า เขาฉกรรจ์ จงั หวดั
สระแก้ว เขาสามสิบ จงั หวัดสระแก้ว ประตูผา จังหวัดลำ� ปาง เขาหลัก จงั หวัดกระบี่ และผาแต้ม อำ� เภอ
โขงเจยี ม จังหวดั อุบลราชธานี เปน็ ตน้

       บริเวณท่ีมีความชุ่มชื้นก่ึงแห้งแล้ง มีลักษณะแตกต่างจากบริเวณท่ีมีความชุ่มช้ืนตลอดปี เพราะ
เป็นบริเวณที่มีฤดูแล้งไม่ต่�ำกว่าหน่ึงหรือสองฤดูในหน่ึงปี เนื่องจากจ�ำนวนฝนในแต่ละรอบปีมักมีปริมาณ
นอ้ ย บรรดาตน้ ไมแ้ ละพนั ธพ์ุ ชื ทเ่ี กดิ ขน้ึ กข็ น้ึ อยกู่ บั วา่ ฝนตกชกุ หรอื ไม่ ในบางแหง่ ทฝ่ี นตกชกุ กม็ ตี น้ ไมแ้ ละ
พชื พนั ธห์ุ นาแนน่ ในเขตทมี่ ฝี นตกนอ้ ยและแหง้ แลง้ จะกลายเปน็ บรเิ วณปา่ โปรง่ ปา่ ละเมาะ ทงุ่ หญา้ หรอื
ไม่บางแหง่ กโ็ ลง่ เตยี นเหมือนทะเลทรายกม็ 1ี 8

       บริเวณอ่ืนๆ ในเขตภูมิภาคแบบชุ่มชื้นกึ่งแห้งแล้ง มักมีพันธุ์พืชที่มีประโยชน์ สามารถท�ำเป็น
อาหารส�ำหรับมนุษย์ได้มากกว่าบริเวณป่าทึบในเขตที่มีความชุ่มชื้นตลอดปี ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการที่
พนั ธพ์ุ ชื เหลา่ นง้ี อกงามดใี นฤดฝู น พอปลายฤดกู เ็ กบ็ สะสมพลงั งานไวใ้ นรปู ของแปง้ และไขมนั ในเมลด็ และ
ราก ซง่ึ สามารถงอกงามขึ้นมาไดอ้ ีกเมอ่ื ถึงฤดูฝนของปถี ดั ไป

       นอกจากนบ้ี รเิ วณทเี่ ปน็ เขตชมุ่ ชนื้ กง่ึ แหง้ แลง้ ยงั เหมาะแกก่ ารตง้ั ถนิ่ ฐานอยอู่ าศยั ของมนษุ ย์ เพราะ
สามารถหกั ลา้ งถางพงสรา้ งเปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ไดง้ า่ ยและปลอดภยั อกี ดว้ ย อกี ทงั้ ยงั มดี นิ ดมี คี วามอดุ มสมบรู ณ์
เหมาะแก่การปลูกพืชได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงมักเลือกตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในบริเวณท่ีเป็นเขต
ชุ่มชื้นก่ึงแห้งแล้ง ประกอบกับการสั่งสมองค์ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทาง
ภูมิศาสตร์ ดินฟ้าอากาศ และพืชพันธุ์ธัญญาหาร ท�ำให้เข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จนสามารถเพาะปลูกพชื ขึ้นมาหล่อเลย้ี งผ้คู นได1้ 9

       กล่าวได้ว่าสังคมของมนุษย์ท่ีมีการเพาะปลูกเร่ิมข้ึนในบริเวณที่มีความชุ่มชื้นกึ่งแห้งแล้งนี้ เป็น
สงั คมทมี่ รี ะบบเศรษฐกจิ แบบการผลติ อาหารขน้ึ เองโดยไมต่ อ้ งอาศยั อาหารตามธรรมชาติ (food producing
economy) รอ่ งรอยหลกั ฐานทพี่ บกน็ บั ตงั้ แตบ่ รรดาเครอ่ื งมอื หนิ ขดั ทม่ี อี ายไุ มต่ ำ�่ กวา่ 8,000 ปลี งมา จนถงึ
บรรดาเครอ่ื งมือเครอ่ื งใชท้ ีท่ �ำด้วยโลหะ มีท้ังสำ� ริด เหลก็ และเคร่ืองปน้ั ดินเผาทก่ี ระจายกันอยู่ตามแหลง่
ชมุ ชนตา่ งๆ จนถงึ แหลง่ ฝงั ศพทเ่ี ปน็ แหลง่ รวมในการประกอบพธิ กี รรมของชมุ ชน ทม่ี อี ายตุ งั้ แตร่ าว 4,000
ปีลงมาจนถงึ ยคุ ประวตั ิศาสตรท์ ีเ่ กดิ เปน็ บา้ นเมอื งและรฐั หรอื อาณาจักรกนั ขนึ้ มาแลว้ 20

       การต้งั ถิ่นฐานอยู่ในลักษณะติดที่มีท่ีท�ำกินเพาะปลูกกว้างขวาง และสามารถผลติ อาหารเลย้ี งคน
ได้เป็นจ�ำนวนมาก มีผลท�ำให้ทอ้ งถิน่ น้ันๆ มคี วามหนาแนน่ มีการแบง่ งานกันทำ�  รวมท้ังมเี ง่อื นไขโอกาส
ทจี่ ะรว่ มมอื กนั สงู ในการทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ รว่ มกนั คอื มกี ารจดั ตงั้ องคก์ รรว่ มกนั ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ หนา้ ทก่ี ารงาน
ให้ลุล่วงสมประสงค์ เช่น การทดน้�ำระบายน้�ำเพ่ือการเพาะปลูก การค้าขายติดต่อแลกเปล่ียนส่ิงของกับ

         17 เรื่องเดียวกนั . น. 11-12.	
         18 เรอ่ื งเดยี วกัน. น. 11-12.	
         19 เรือ่ งเดยี วกนั . น. 12.	
         20 เร่ืองเดียวกัน. น. 14.
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29