Page 30 - วิถีไทย
P. 30

2-20 วิถไี ทย
       สว่ นบา้ นเมอื งทางแถบตะวนั ตกเฉยี งใตข้ องเมอื งพระนคร (พน้ื ทแ่ี ถบจงั หวดั จนั ทบรุ แี ละระยองใน

ปจั จบุ นั ) เปน็ พน้ื ทขี่ องกลมุ่ ชาตพิ นั ธช์ุ อง ซง่ึ เปน็ เครอื ญาตเิ กา่ แกอ่ กี สายหนง่ึ ของเขมรพระนคร แตก่ ลมุ่ น้ี
รบั วฒั นธรรมจามปาดว้ ย เนอ่ื งจากตง้ั อยใู่ นดนิ แดนชายฝง่ั ทะเล อนั เปน็ จดุ แวะพกั ของพอ่ คา้ และนกั เดนิ ทาง
บา้ นเมอื งทพ่ี ฒั นาขนึ้ ในแถบนกี้ อ็ ยา่ งเชน่ เมอื งเพนยี ด อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั จนั ทบรุ ี เมอื งโบราณทบ่ี า้ นคา่ ย
หรือเมอื งระยองเกา่ อ�ำเภอบา้ นคา่ ย จังหวดั ระยอง เปน็ ต้น

       ลุถึงพุทธศตวรรษที่ 18 พุทธศาสนาแบบมหายานได้เข้าไปมีอิทธิพลต่อราชส�ำนักเขมรพระนคร
โดยเฉพาะในรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันท่ี 7 ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงรูปแบบสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
ของเขมร มาสรู่ ปู แบบทเี่ รียกวา่ “ศลิ ปะเขมรบายน” (Bayon Khmer Art) ทีแ่ สดงออกถงึ อิทธิพลพุทธ-
ศาสนามหายาน35 ไมป่ รากฏหลกั ฐานแนช่ ดั วา่ เพราะเหตใุ ดพระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 7 จงึ ทรงเปลย่ี นวถิ คี วามเชอ่ื
ของบรรพชนพระองค์ ซึ่งเป็นมาก่อนหน้ารัชสมัยของพระองค์มาเป็นเวลาช้านาน แม้มีความเป็นไปได้ที่
พระองคจ์ ะเคยถกู ส่งไป “องคป์ ระกนั ” ในราชส�ำนกั จามปามาก่อน36 อยา่ งไรกต็ ามความเชอ่ื ศาสนาแบบ
พุทธมหายานท่ีพระองค์รับนับถือและประกาศให้เป็นศาสนาประจ�ำอาณาจักรเขมรในยุคสมัยของพระองค์
นนั้ เปน็ ความเชอ่ื ท่เี คยแพร่หลายในแถบที่ราบสงู โคราชมาก่อน

       วัฒนธรรมเขมรแบบบายนของพระเจ้าชัยวรมันท่ี 7 ได้แพร่หลายไปท่ัวดินแดนเอเชียตะวันออก
เฉยี งใตภ้ าคพน้ื ทวปี ตง้ั แตบ่ รเิ วณลาวใต้ ลมุ่ แมน่ ำ้� โขงแถบเมอื งซายฟองหรอื เวยี งจนั ทนเ์ กา่ บางสว่ นของ
เวยี ดนาม ดนิ แดนแถบเขาบรรทดั -ลมุ่ แมน่ ำ�้ พรมโหด (แถบอำ� เภออรญั ประเทศ อำ� เภอวฒั นานคร จงั หวดั
สระแก้ว) ลุ่มแมน่ ้�ำบางปะกง แถบเมอื งศรีมโหสถ อำ� เภอศรีมโหสถ จงั หวัดปราจีนบุรี เมอื งบ้านปราสาท
อ�ำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เมืองพระรถ จังหวัดชลบุรี เมืองลพบุรีเก่า เมืองสรรคบุรี จังหวัด
ชยั นาท เมอื งสพุ รรณภมู ิ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี เมอื งนครปฐมโบราณ เมอื งนครชยั ศรี จงั หวดั นครปฐม เมอื ง
คูบัว จังหวัดราชบุรี เมืองเพชรบุรี มีศูนย์กลางอยู่ที่ปราสาทก�ำแพงแลง เมืองราชบุรีเก่าที่วัดมหาธาตุ
อำ� เภอเมือง จังหวดั ราชบรุ ี เมอื งสงิ ห์ เมืองครฑุ และเมอื งกลอนโด จังหวดั กาญจนบรุ ี เป็นตน้

       ในบรรดาบ้านเมืองเหลา่ น้ี ภายหลังพระเจ้าชัยวรมนั ท่ี 7 สวรรคต และอาณาจักรเขมรพระนคร
เดิมเสื่อมสลาย เกิดบ้านเล็กเมืองน้อยข้ึนตามท่ีราบลุ่มล�ำน้�ำส�ำคัญอันเป็นเส้นทางคมนาคม ซ่ึงก็คือบ้าน
เมืองเดมิ ทเ่ี กดิ และเตบิ โตเน่อื งในวัฒนธรรมเขมรบายนมาก่อนนนั่ เอง ตา่ งต้ังตนเปน็ ใหญ่ในเขตแขวงของ
ตนเอง ภายหลังบ้านเมอื งเหล่านเี้ ฉพาะทตี่ ้งั อยใู่ นลุม่ แม่นำ�้ ส�ำคัญ อาทิ แมน่ ำ้� แม่กลอง แมน่ ำ้� นอ้ ย แม่นำ�้
ปา่ สกั แมน่ ำ�้ ลพบรุ ี แมน่ ำ�้ บางปะกง แมน่ ำ�้ จนั ทบรุ ี ตา่ งยอมรบั เมอื งอโยธยา ทตี่ งั้ อยใู่ นลมุ่ แมน่ ้�ำเจา้ พระยา
ให้เป็นศูนย์กลางอ�ำนาจ “กรุงศรีอโยธยาศรีรามเทพนคร” ก็พัฒนาต่อมาจนถึงพุทธศตวรรษท่ี 19 จึง
สถาปนาเป็น “กรุงเทพทวารวดีศรีอโยธยา” หรือ “กรุงศรีอยุธยา” เม่ือ พ.ศ. 1893 โดยสมเด็จพระ-
รามาธิบดีที่ 1 (พระเจา้ อทู่ อง)

         35 Clark, Jooyce. (Ed.). (2007). Bayon: New Perspectives. Bangkok: Riverbooks. 	
         36 แชนด์เลอร์, เดวดิ . (2557). เรื่องเดิม.; วรรณวภิ า สเุ นตต์ า. (2548). ชยั วรมนั ท่ี 7 มหาราชองคส์ ดุ ท้ายของอาณาจกั ร
กัมพูชา ผ้เู นรมิตปราสาทบายนและเมอื งนครธม. กรุงเทพฯ: มตชิ น.
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35