Page 42 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 42

11-32 ภาษาและทกั ษะเพื่อการสือ่ สาร
            1.2 	เวลาในอดีตหรืออดีตกาล เปน็ การนำ� เสนอเรอ่ื งราวทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอดตี ในรปู แบบเลา่ เรอ่ื ง

“ครัง้ หน่ึงนานมาแล้ว...” แต่การน�ำเสนอในรปู แบบน้ี ตอ้ งมีภาพเหตุการณส์ �ำหรับเตรยี มผู้ดูให้พร้อมทจ่ี ะ
มอี ารมณร์ ่วมวา่ “เขาอยใู่ นเหตุการณน์ นั้ ” (you-were-there) เสยี กอ่ น การใชเ้ วลาในอดตี ยังแบง่ ออก
เปน็ 2 ลกั ษณะ คอื เสนอเหตกุ ารณใ์ นอดตี ลว้ นๆ ใหผ้ ดู้ เู ขา้ ไปมอี ารมณร์ ว่ มในอดตี และเสนอเหตกุ ารณใ์ น
ปัจจุบันก่อนแล้วย้อนเวลากลับไปในอดีตที่เรียกว่า แฟลชแบก (flash back) เช่น เสนอภาพหญิงสาว
ก�ำลังยืนร้องไห้อยู่บนสะพาน เธอมองลงข้างล่าง แล้วตัดไปเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตท่ีท�ำให้เธอต้องมา
ยืนร้องไห้ที่สะพานนี้ หรือใช้ในภาพยนตร์สารคดีที่มีการเปรียบของใหม่กับของเก่า เช่น การเสนอภาพ
เครื่องบินรบสมยั ใหม่สดุ แลว้ เสนอภาพย้อนยคุ ไปในอดีต ใหเ้ หน็ เครอื่ งบินรบในสมยั โบราณ เปน็ ตน้

            1.3	 เวลาในอนาคต หรืออนาคตกาล (future time) ภาพเหตุการณ์ในอนาคตสามารถ
น�ำเสนอได้ในรูปของความคิด การพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า น�ำเสนอได้ในสองรูปแบบคือเหตุการณ์
ท่ีคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยตรง และเหตุการณ์ปัจจุบัน แล้วเสนอเร่ืองราวต่อเน่ืองท่ีคาดว่า
จะเกิดข้ึนในอนาคตท่ีเรียกว่า แฟลช ฟอร์วอร์ด (flash forward) แลว้ กลับมาท่ีเหตุการณ์ปัจจุบัน เช่น
การเสนอภาพเคร่ืองบินรบสมัยใหม่ในปัจจุบัน แล้วตัดไปท่ีเครื่องบินอวกาศที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นตน้

            1.4	 เวลาทก่ี �ำหนดเองหรอื เวลาสมมติ (Conditional time) เวลาทกี่ ำ� หนดขน้ึ เองหรอื สมมตนิ ้ี
ไม่เกย่ี วข้องกบั เวลาจรงิ เปน็ เวลาที่ผ้กู ำ� กบั ภาพยนตร์ใช้ในบางเงื่อนเวลา เพื่อบง่ บอกถงึ อารมณ์ ทัศนคติ
ความทรงจำ� ของผแู้ สดงทม่ี องเหน็ ภาพไมต่ รงตามความจรงิ เหน็ ภาพผดิ แผก บดิ เบย้ี วจากความจรงิ ชว่ ง
เวลาทก่ี ำ� หนดข้ึนนีส้ ามารถน�ำเสนอเหตุการณต์ ่างๆ พรอ้ มๆ กัน หรือไลเ่ ลีย่ กัน เหตกุ ารณ์แลว้ เหตุการณ์
เลา่ ซงึ่ เปน็ ไปไมไ่ ดใ้ นชวี ติ จรงิ เวลาสมมตนิ อ้ี าจใชร้ ว่ มกนั กบั การยอ้ นนกึ ถงึ เวลาในอดตี เชน่ เสนอภาพคน
กำ� ลงั จะจมนาํ้ ตายแลว้ เปน็ ภาพแฟลชแบกนกึ ถงึ ชวี ติ ของเขาในอดตี ทผ่ี า่ นมา อาจเลยไปถงึ ความหวงั ทเ่ี ขา
วาดไวใ้ นอนาคต แตย่ ังไปไม่ถึง แล้วกลบั มาท่ีภาพปจั จุบันทกี่ �ำลงั จมนํา้ เป็นต้น

       2.	 การเคลอื่ นไหวและความตอ่ เนอื่ งดา้ นสถานทแ่ี ละระยะทาง (Space continuity) การเลา่ เรอื่ งใน
ภาพยนตรแ์ ละโทรทศั นท์ ่ีเก่ยี วขอ้ งกบั เหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดขึ้นในสถานทต่ี ่างๆ อย่างต่อเนอื่ ง รวมทัง้ เกี่ยวข้อง
กับสถานที่ ระยะทาง และเวลาด้วย เช่น เสนอภาพการเดินทางจะต้องเปิดภาพให้ดูเข้าใจเสียก่อนว่า
เหตกุ ารณ์เกิดในสถานท่ีไหน ก�ำลังเดินทางมาจากไหน และจะไปทางไหน ส่วนระยะทางอาจจะเสนอโดย
ละเอยี ดหรอื เพยี งบางสว่ นหรอื ไมเ่ สนอเลยกไ็ ด้ ตดั เขา้ หาภาพเหตกุ ารณท์ ส่ี ำ� คญั และนา่ สนใจในเรอื่ งเทา่ นนั้
เช่น การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดหนองคายโดยรถยนต์ อาจเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ยน่ ระยะทางใหเ้ หน็ แคร่ ถวง่ิ ผา่ นสระบรุ ตี รงแยกไปทางนครราชสมี า แลว้ ยน่ ระยะทางใหเ้ หน็ รถวงิ่ เขา้ เมอื ง
หนองคาย นอกจากว่าระหว่างการเดินทางผ่านแต่ละแห่งน้ันมีเหตุการณ์ท่ีน่าสนใจท่ีผู้ก�ำกับต้องการ
นำ� เสนอกส็ ามารถใสเ่ ขา้ ไวใ้ นภาพยนตรไ์ ด้ แตถ่ า้ ไมม่ เี หตกุ ารณอ์ ะไรเปน็ เรอ่ื งพเิ ศษกส็ ามารถยน่ ระยะทาง
ให้เข้าถึงจุดหมายปลายทางได้โดยตรง ดังนน้ั ระยะทางในภาพยนตร์และโทรทศั น์สามารถยดื และย่นได้

       3.	 การเคล่ือนไหวและความต่อเนื่องด้านทิศทางในจอภาพยนตร์และโทรทัศน์ (Directional
continuity) ทิศทางในจอภาพยนตรแ์ ละโทรทศั นใ์ นทีน่ ้หี มายถงึ ทศิ ทางทผี่ ู้แสดงเคลื่อนไหวหรอื มองไป
หรอื ทิศทางทพี่ าหนะวง่ิ ไป แลน่ ไป หรอื บินไป ซงึ่ แบ่งเปน็ 3 ลักษณะ ได้แก่
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47