Page 42 - การรายงานข่าวและการบรรณาธิกร
P. 42
5-32 การรายงานขา่ วและการบรรณาธิกร
(8) ใชห้ รอื ยนิ ยอมใหเ้ ดก็ เลน่ การพนนั ไมว่ า่ ชนดิ ใดหรอื เขา้ ไปในสถานทเี่ ลน่ การพนนั สถานคา้ -
ประเวณี หรือสถานที่ที่ห้ามมิให้เด็กเข้า
(9) บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระท�ำการอันมีลักษณะ
ลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซ่ึงค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด
(10) จ�ำหน่าย แลกเปล่ียน หรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็ก เว้นแต่การปฏิบัติทางการแพทย์
ถา้ การกระทำ� ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ มโี ทษตามกฎหมายอนื่ ทหี่ นกั กวา่ กใ็ หล้ งโทษตามกฎหมายนนั้
3. ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือส่ือสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูล
เกี่ยวกับตัวเด็กหรอื ผู้ปกครอง โดยเจตนาทจ่ี ะท�ำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ช่อื เสียง เกียรติคุณ หรือ
สทิ ธปิ ระโยชนอ์ ื่นใดของเดก็ หรอื เพื่อแสวงหาประโยชนส์ ำ� หรบั ตนเองหรอื ผอู้ ื่นโดยมิชอบ (มาตรา 27)
4. ในกรณผี ปู้ กครองตกอยใู่ นสภาพไมอ่ าจใหก้ ารอปุ การะเลย้ี งดู อบรมสงั่ สอนและพฒั นาเดก็ ได้
ไมว่ า่ ดว้ ยเหตใุ ด หรอื ผปู้ กครองกระทำ� การใดอนั นา่ จะเกดิ อนั ตรายตอ่ สวสั ดภิ าพหรอื ขดั ขวางตอ่ ความเจรญิ
เติบโตหรือพัฒนาการของเด็กหรือให้การเลี้ยงดูโดยมิชอบ หรือมีเหตุจ�ำเป็นอ่ืนใดเพื่อประโยชน์ในการ
สงเคราะหห์ รอื คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ หรอื ปอ้ งกนั มใิ หเ้ ดก็ ไดร้ บั อนั ตรายหรอื ถกู เลอื กปฏบิ ตั โิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรม
พนกั งานเจา้ หนา้ ทต่ี อ้ งดำ� เนนิ การใหก้ ารสงเคราะหห์ รอื คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี (มาตรา 28)
5. ผู้ใดพบเห็นเด็กตกอยู่ในสภาพจ�ำต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ จะต้อง
ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นและแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าท่ีคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก โดยมิชักช้า
(มาตรา 29)
แพทย์ พยาบาล นกั จติ วทิ ยา นกั สงั คมสงเคราะห์ หรอื เจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสขุ ทร่ี บั ตวั เดก็ ไวร้ กั ษา
พยาบาล ครู อาจารย์ หรือนายจ้าง ซ่งึ มีหนา้ ที่ดูแลเดก็ ทเี่ ปน็ ศิษย์หรอื ลูกจา้ ง จะต้องรายงานใหพ้ นกั งาน
เจ้าหน้าท่ีหรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ทราบโดยมิชักช้า หากเป็นที่ปรากฏชัดหรือน่าสงสัยว่า
เด็กถกู ทารณุ กรรมหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการเลยี้ งดโู ดยมิชอบ
การแจง้ หรอื การรายงานตามมาตราน้ี เมอื่ ไดก้ ระทำ� โดยสจุ รติ ยอ่ มไดร้ บั ความคมุ้ ครองและไมต่ อ้ ง
รับผิดทัง้ ทางแพ่ง ทางอาญาหรอื ทางปกครอง
6. เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีตามหมวด 3 และ
หมวด 4 มีอำ� นาจและหน้าท่ี ดังต่อไปน้ี (มาตรา 30)
(1) เข้าไปในเคหสถาน สถานท่ีใดๆ หรือยานพาหนะใดๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ข้ึนถึง
พระอาทติ ยต์ กเพอื่ ตรวจคน้ ในกรณมี เี หตอุ นั ควรสงสยั วา่ มกี ารกระทำ� ทารณุ กรรมเดก็ มกี ารกกั ขงั หรอื เลย้ี ง
ดโู ดยมชิ อบ แตใ่ นกรณมี เี หตอุ นั ควรเชอื่ วา่ หากไมด่ �ำเนนิ การในทนั ทเี ดก็ อาจไดร้ บั อนั ตรายแกร่ า่ งกายหรอื
จิตใจ หรือถูกน�ำพาไปสถานท่ีอื่นซ่ึงยากแก่การติดตามช่วยเหลือ ก็ให้มีอ�ำนาจเข้าไปในเวลาภายหลัง
พระอาทิตยต์ กได้
(2) ซักถามเด็กเม่ือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเด็กจ�ำต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ
ในกรณจี ำ� เปน็ เพอื่ ประโยชนแ์ กก่ ารสงเคราะหแ์ ละคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ อาจนำ� ตวั เดก็ ไปยงั ทที่ ำ� การของ
พนักงานเจา้ หนา้ ท่ี เพ่อื ทราบข้อมูลเกี่ยวกบั เด็กและครอบครวั รวมท้ังบุคคลท่ีเดก็ อาศยั อยู่ ท้งั นี้ จะต้อง
กระท�ำโดยมิชักช้า แต่ไม่ว่ากรณีใดจะกักตัวเด็กไว้นานเกินกว่าสิบสองชั่วโมงไม่ได้ เมื่อพ้นระยะเวลา