Page 18 - การผลิตภาพยนตร์เบื้องต้น
P. 18
4-8 การผลติ ภาพยนตร์เบ้ืองต้น
เร่ืองที่ 4.1.1
กล้องถ่ายภาพยนตร์กับระบบการบันทึกภาพ
กลอ้ งถา่ ยภาพยนตรด์ ว้ ยระบบฟลิ ม์ เปน็ การเปดิ ใหแ้ สงผา่ นเขา้ มาบนั ทกึ บนแผน่ ฟลิ ม์ หรอื ถา้ หาก
เป็นกล้องวิดโี อระบบดจิ ทิ ัล เป็นการเปดิ ให้แสงผ่านเข้ามาทำ� ปฏกิ ิรยิ าบนแผ่นเซนเซอร์ (sensor) แต่ส่ิงท่ี
นา่ สนใจคอื ความสามารถในการถา่ ยภาพ แลว้ นำ� ภาพเหลา่ นม้ี าฉายตอ่ เนอ่ื งกนั ดว้ ยความเรว็ 24 เฟรมตอ่
วินาที ดว้ ยระบบฟลิ ม์ หรือ 25–30 เฟรมต่อวนิ าที ดว้ ยระบบวดิ โี อ การท�ำให้ผูช้ มเห็นภาพเคล่อื นไหวได้
อยา่ งไรนน้ั เปน็ สงิ่ มหศั จรรย์ เพราะความเคลอ่ื นไหวในภาพยนตรเ์ ปน็ เอกลกั ษณแ์ ละเปน็ เสนห่ ข์ องภาพยนตร์
อย่างไรก็ตามความเคลือ่ นไหวน้เี ปน็ ภาพลวงตาที่ผ่านการบันทึกเป็นภาพนิง่ แลว้ นำ� มาฉายให้มคี วามต่อ
เนื่องกันของแอ็คชัน ท�ำให้ระบบสมองของเราท�ำงานจนสามารถเห็นความเคล่ือนไหวเหล่านั้นได้เหมือน
จรงิ ซง่ึ สามารถอธบิ ายดว้ ยกฎของการเหน็ ภาพตดิ ตา หรอื “persistence of vision” มแี นวคดิ ทวี่ า่ ขณะ
ทชี่ มภาพยนตรแ์ สงทส่ี ะทอ้ นจากจอภาพยนตรจ์ ะพงุ่ ตรงมาทด่ี วงตาของเรา ผา่ นแกว้ ตา มา่ นตา จนกระทงั่
เขา้ มาสรา้ งภาพทจี่ อประสาท (retina) ทที่ ำ� หนา้ ทเี่ หมอื นจอรบั ภาพ อยดู่ า้ นหลงั กระบอกตาของผชู้ ม ภาพ
ของเฟรมน้ันจะคา้ งอยู่ทจี่ อประสาท (retina) ช่วั ครู่ แลว้ ค่อยๆ จางหายไป แตก่ ่อนจางหายไป ภาพของ
เฟรมทีส่ องจะเขา้ มาซอ้ นกับภาพเฟรมแรกทกี่ �ำลังจะจางหาย ท�ำให้เกดิ การผสมกนั ของภาพเฟรมแรกกบั
ภาพเฟรมที่สอง เรียกว่า “afterimage” แต่ในความเป็นจริงภาพของเฟรมใหม่จะซ้อนทับกับเฟรมเก่า
อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วอยู่ตลอดเวลาของการฉายภาพยนตร์ ภาพใหม่กลายเป็นภาพเก่าท่ีก�ำลังค่อยๆ
จางหายไป จึงเกดิ เป็นภาพเคลอ่ื นไหวของแอค็ ชนั ทีม่ ีความต่อเนอ่ื งในประสาทการรบั รขู้ องคนเรา กลาย
เป็นภาพเคล่อื นไหว
อย่างไรก็ตาม แนวคิด “persistence of vision” กย็ งั มปี ระเดน็ อ่นื โตแ้ ยง้ แต่สง่ิ ส�ำคญั ที่สร้าง
ปรากฏการณ์น้ีให้เกิดข้ึน คือ กล้องถ่ายภาพยนตร์ท่ีสามารถบันทึกความเคล่ือนไหวด้วยอัตราความเร็ว
ตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งนา่ มหศั จรรย์ และในปจั จบุ นั ไดม้ กี ารพฒั นาเปลยี่ นไปมากจากกลอ้ งระบบฟลิ ม์ มาเปน็ กลอ้ ง
ระบบดจิ ทิ ลั ทมี่ คี วามซบั ซอ้ น ดงั นนั้ ผศู้ กึ ษาวชิ าดา้ นการผลติ ภาพยนตรค์ วรตดิ ตามศกึ ษาความเปลยี่ นแปลง
ของเทคโนโลยกี ลอ้ ง เพราะกลอ้ งจะเปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการถา่ ยทอดโลกแหง่ จนิ ตนาการออกมาปรากฏ
บนจอภาพยนตร์
กลอ้ งถา่ ยทำ� ภาพยนตรเ์ ปลย่ี นจากการใชฟ้ ลิ ม์ มาเปน็ กลอ้ งวดิ โี อระบบดจิ ทิ ลั ซง่ึ แตเ่ ดมิ กลอ้ งวดิ โี อ
นนั้ เปน็ กลอ้ งระบบแอนะลอ็ ก บนั ทกึ ภาพดว้ ยแถบแมเ่ หลก็ ทเ่ี ปน็ เครอื่ งบนั ทกึ วดิ โี อเทป หรอื เครอ่ื ง VTR
(videotape recorder) ต่อมาจงึ พฒั นาเป็นระบบดิจทิ ัลท่มี แี ผน่ เซนเซอรใ์ ช้ในการอ่าน และจ�ำข้อมลู ภาพ
และเสยี งทอี่ ย่ใู นรูปของระบบดจิ ิทัลบนั ทึกลงในไฟลแ์ ทนบนั ทึกลงบนฟิล์มเหมือนยคุ ก่อน หากเรามีความ
เขา้ ใจการทำ� งานอยา่ งซบั ซอ้ นของระบบดจิ ทิ ลั ในขนั้ ตอนการถา่ ยทำ� และขน้ั ตอนหลงั การถา่ ยทำ� ตลอดจน
สามารถใชซ้ อฟตแ์ วรไ์ ดจ้ ะชว่ ยใหเ้ ราทำ� งานไดง้ า่ ยขน้ึ นอกจากนร้ี ะบบดจิ ทิ ลั ยงั สามารถรกั ษาความละเอยี ด
ของภาพไดค้ งที่ เมอ่ื มกี ารแปลงขอ้ มลู ไปมา แตกตา่ งจากระบบฟลิ ม์ ทที่ ำ� ใหร้ ายละเอยี ดของภาพลดลงทกุ ครงั้
เมอื่ มกี ารแปลงขอ้ มูลไปมา