Page 26 - การผลิตภาพยนตร์เบื้องต้น
P. 26

4-16 การผลติ ภาพยนตร์เบ้ืองตน้
กลายเป็นเส้นหยักแต่ละช้ินได้ชัดท�ำให้ภาพดูไม่คมชัด ไม่เป็นธรรมชาติ ขาดรายละเอียด ส่วนจอภาพ
ประเภท HD (high definition) สามารถนำ� ไปฉายบนจอทม่ี ขี นาดใหญข่ นึ้ ได้ โดยทย่ี งั คงรกั ษาความคมชดั
ของภาพได้ ซง่ึ การฉายบนจอขนาดใหญน่ ี้ทำ� ใหด้ แู ลว้ เหมอื นการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ อย่างไร
กต็ ามยงั มปี ัจจยั อ่ืนๆ ที่ทำ� ใหค้ วามละเอยี ดของภาพ (resolution) มีคุณภาพสงู ได้เช่นกัน

       การฉายในระบบจอกว้าง (widescreen) ท่ัวไปท่ีเป็นระบบดิจิทัล (digital motion picture
format) ตามโรงภาพยนตร์ สว่ นใหญม่ กั ใชจ้ ำ� นวนจดุ ภาพทสี่ งู กวา่ จดุ ภาพของจอภาพประเภท HD (high
definition) เชน่ เครอ่ื งฉายของบริษัทโซน่ี รนุ่ “SXRD digital cinema” สามารถฉายในระดับมากกวา่
4K ขึ้นไปได้ คือใชเ้ สน้ กวาดสญั ญาณ 2160 เสน้ แตล่ ะเส้นมี 4096 จดุ ภาพ หรือ 4096 × 2160 ซง่ึ ระดบั
ความละเอยี ดของภาพ (resolution) ทไ่ี ดน้ ม้ี คี ณุ ภาพเทยี บไดเ้ ทา่ กบั ภาพในระบบฟลิ ม์ 35 มม. หรอื สงู กวา่

       การแปลงสญั ญาณภาพวดิ โี อทม่ี จี ำ� นวนจดุ ภาพตา่ งกนั หรอื เรยี กวา่ “scaling” หรอื “rescaling”
ถา้ หากแปลงสญั ญาณภาพจากภาพท่มี คี ณุ ภาพตำ่� ไปเป็นสญั ญาณภาพ ที่มีคณุ ภาพสูงกว่าเรยี กว่า “up-
converting” หรอื “up-scaling” หรอื “up-resing” แตถ่ า้ หากแปลงสญั ญาณภาพไปในทางตรงกนั ขา้ ม
จากสัญญาณภาพท่ีมีคุณภาพสูงไปเป็นสัญญาณภาพที่มีคุณภาพต่�ำกว่า เรียกว่า “downconverting”
หรอื “downscaling” หรอื “down-resing” เชน่ เมอ่ื มกี ารบนั ทกึ ขอ้ มลู ภาพ หรอื ถา่ ยทำ� ดว้ ย ระบบ HD
(high definition) แล้วถกู แปลงสัญญาณภาพใหต้ ำ่� ลงไปเปน็ ระบบ SD (standard definition) ภาพใน
“footage” จะคมชดั และชัดเจนดีกวา่ การถ่ายท�ำดว้ ย ระบบ SD และหากนำ�  “footage” ของ standard
definition ไปแปลงเป็นสัญญาณภาพ HD ภาพจะมีคุณภาพตำ�่ กว่าท่ถี า่ ยท�ำดว้ ยวดิ โี อระบบ HD

       ข้อแตกต่างของวิดีโอแอนะล็อก
       วดิ โี อระบบแอนะลอ็ ก ไมไ่ ดใ้ ชจ้ ดุ ภาพเหมอื นกบั ประเภทดจิ ทิ ลั ซง่ึ แตล่ ะเฟรมของแอนะลอ็ ก มเี สน้
กวาดสัญญาณเป็นเส้นตรงต่อเนื่องกันเป็นแถวในแนวระนาบต้ังแต่ขอบเฟรมบนสุดจนถึงขอบล่างสุดใน
การระบายภาพ (paint) ไมเ่ ปน็ จดุ ภาพเหมอื นระบบดจิ ทิ ลั ทใี่ ชแ้ ตล่ ะจดุ ในการสรา้ งภาพ ซงึ่ เสน้ กวาดสญั ญาณ
แตล่ ะเสน้ ของกลอ้ งระบบแอนะลอ็ กนจ้ี ะมหี ลอดภาพ ซงึ่ เปน็ ลกั ษณะเดยี วกบั จอภาพ Analog CRT (Analog
CRT Monitor) (ทใ่ี ช้มาตัง้ แต่ก�ำเนิดโทรทัศนจ์ นกระท่งั ถงึ ต้นทศวรรษ 1990) ทำ� หนา้ ทก่ี วาดสัญญาณ
อยา่ งตอ่ เนอื่ งตงั้ แตข่ อบบนสดุ ของเฟรมจนถงึ ลา่ งสดุ ดว้ ยการอา่ นระดบั คา่ ของแสงสวา่ งโดยการกราดแสง
ที่เส้นจากขอบบนด้านหน่ึงไปยังอีกด้านหน่ึงของเฟรม แล้วเริ่มเส้นใหม่ข้ามลงมาด้านซ้ายต่อเน่ืองกันไป
เหมอื นการพมิ พด์ ดี หรอื การอา่ นขอ้ ความในแตล่ ะยอ่ หนา้ ซงึ่ ลำ� แสงของอเิ ลก็ ตรอน ในกลอ้ งทใ่ี ชห้ ลอดเมอื่
วง่ิ มาถงึ ดา้ นลา่ งของจอแลว้ กลบั ไปเรมิ่ ตน้ ใหมน่ เี้ ปน็ กระบวนการทเ่ี กดิ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ในแตล่ ะฟลิ ด์
       การแพร่สัญญาณภาพระบบแอนะล็อกมาที่เครื่องรับโทรทัศน์ในยุคหน่ึงน้ันใช้การกวาดสัญญาณ
ภาพอย่างต่อเน่ือง แต่ไม่ใช่เป็นจุดภาพ (pixels) ซ่ึงวิดีโอประเภท NTSC มีเส้นกวาดสัญญาณท้ังสิ้น
525 เส้น แตม่ องเหน็ บนจอไดเ้ พยี ง 483 เสน้ ดังน้นั คำ� ทเ่ี ขยี นวา่ “NTSC” และ “PAL” จงึ หมายถึง
แอนะลอ็ กเทา่ นนั้ ทม่ี ขี นาดเฟรมและอตั ราความเรว็ ของภาพคลา้ ยคลงึ กนั แตไ่ มใ่ ชป่ ระเภทดจิ ทิ ลั แมก้ ระนนั้
คนสว่ นใหญ่ยงั ใชค้ �ำนี้ (NTSC และ PAL) กว้างๆ หมายถึงทงั้ แอนะลอ็ กและดิจทิ ลั
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31