Page 32 - การผลิตภาพยนตร์เบื้องต้น
P. 32

4-22 การผลิตภาพยนตร์เบ้อื งต้น
       ในทางปฏิบัติการแปลงข้อมูลวิดีโอภาพและเสียงจากแบบโปรเกรสซีฟ (progressive) ไปเป็น

วิดีโอแบบอินเทอร์เลซ (interlace) สามารถท�ำได้และยังรักษาคุณภาพของงานได้ดี แต่การแปลงวิดีโอ
จากแบบอนิ เทอรเ์ ลซไปเปน็ โปรเกรสซฟี และใหม้ คี ณุ ภาพดดี ว้ ยนน้ั เปน็ เรอื่ งยาก เพราะรายละเอยี ดของภาพ
(resolution) จะลดลง อยา่ งไรกต็ ามวธิ กี ารถา่ ยทำ� วดิ โี อแบบโปรเกรสซฟี (progressive video) ทำ� ใหก้ ล้อง
มคี วามไวต่อแสงนอ้ ยลง (less sensitive) ซ่งึ โดยปกติแลว้ ต้องเพ่มิ แสงให้มากขน้ึ และอาจถงึ 2 เท่าตัว
เพอื่ ใหไ้ ดแ้ สงทพี่ อดี หากเปรยี บเทยี บกบั แบบอนิ เทอรเ์ ลซแลว้ แบบโปรเกรสซฟี ตอ้ งการสายทลี่ ำ� เรยี งขอ้ มลู
ทใ่ี หญข่ น้ึ มากกวา่ เพอ่ื ใหส้ ามารถไปเกบ็ ขอ้ มลู การถา่ ยทำ�  การตดั ตอ่ และการถา่ ยทอดสญั ญาณไดเ้ พม่ิ ขน้ึ

       ปัจจุบันเคร่ืองมือวิดีโอส่วนใหญ่ที่ใช้กันท่ัวโลกยังคงเป็นแบบอินเทอร์เลซ สแกนนิ่ง (interlace
scanning) อยา่ งไรกต็ ามระบบตา่ งๆ นน้ั เปลยี่ นแปลงรวดเรว็ มาก การทำ� งานกบั แบบโปรเกรสซฟี สแกนนงิ่
(progressive scanning) มกั ตอ้ งการคน้ หาวธิ กี ารทส่ี ามารถใหท้ ำ� งานรว่ มกนั ได้ ตวั อยา่ งเชน่ การบนั ทกึ
ข้อมลู วิดโี อธรรมดาๆ แบบโปรเกรสซฟี สแกนนง่ิ เพ่อื สามารถแปลงลงไปเป็นอินเทอร์เลซ เพ่ือน�ำไปเปดิ
ในเครอ่ื งเลน่ และเครอ่ื งรับโทรทศั นแ์ บบอินเทอร์เลซได้ เป็นตน้

       เมอื่ เทคโนโลยวี ดิ โี อพฒั นาขนึ้ ทำ� ใหว้ ดิ โี อสามารถกวาดสญั ญาณแบบโปรเกรสซฟี แตก่ ารกวาดสญั ญาณ
แบบอนิ เทอร์เลซ สแกนน่งิ ที่สร้างขึน้ มาต้ังแต่ทศวรรษที่ 1920 ก็ยังใช้กนั อยู่

กิจกรรม 4.1.3
       1. 	จงอธบิ ายการกวาดสญั ญาณแบบ “โปรเกรสซีฟ และ อนิ เทอเลซ สแกนนงิ่ ”
       2. 	การกวาดสญั ญาณแบบ “อนิ เทอรเ์ ลซ สแกนนงิ่ ” จะเกิดปญั หาใดบา้ ง

แนวตอบกิจกรรม 4.1.3
       1. 	การกวาดสญั ญาณแบบโปรเกรสซฟี สแกนนง่ิ (progressive scanning) โดยใชแ้ ผน่ “sensor

chip” ท่ีอยู่ภายในกล้องท�ำหน้าท่ีคล้ายแผ่นฟิล์ม ซ่ึงมีจุดภาพ หรือ “pixels” คอยแปลงสัญญาณของ
คลื่นแสงที่มากระทบให้เป็นสญั ญาณภาพทลี ะเฟรมเป็นข้อมูลไปเกบ็ ไว้ในไฟล์ในระบบดิจทิ ัล

       ส่วนการกวาดสัญญาณแบบ อนิ เทอเลซ สแกนนิง่ เปน็ แท่ีบบใชก้ ันอยา่ งกวา้ งขวางและใชก้ ันมา
นานแล้วตัง้ แต่ยุคแรกของการใช้ระบบ “NTSC” เปน็ ยุคท่ีระบบโทรทศั นย์ ังบนั ทกึ ภาพ และส่งสัญญาณ
ภาพ ในแต่ละคร้ังแต่ละเฟรมมีความล่าช้ามาก เน่ืองจากในแต่ละเฟรมมีข้อมูลภาพมากเกินไป จึงต้อง
บนั ทกึ ภาพหรอื สง่ สญั ญาณออกอากาศในแตล่ ะครงั้ แยกและสลบั กนั ครงั้ ละครงึ่ เฟรม โดยกลอ้ งจะเรมิ่ กวาด
สญั ญาณจากเสน้ ทเ่ี ปน็ เลขคจ่ี ากขอบบนสดุ ของกรอบภาพ แลว้ โดดขา้ มเสน้ กวาดสญั ญาณทเ่ี ปน็ เลขคู่ นน่ั
คือภาพถกู สร้างข้นึ บนเส้นกวาดสญั ญาณต้งั แต่เลข 1, 3, 5, 7, 9, .... หลอดภาพจะกวาดเรอ่ื ยลงมาจนถงึ
เส้นเลขค่ีสุดท้ายของขอบเฟรมด้านล่าง เส้นกวาดสัญญาณเลขคี่นี้เรียกว่า “upper field” หรือ “odd
field” ในการกวาดสญั ญาณเสน้ เลขคหู่ มดหนง่ึ เฟรมจะเทา่ กบั ไดภ้ าพเพยี งครงึ่ เฟรมเทา่ นนั้ จากนนั้ หลอด
ภาพจงึ กลบั ขนึ้ ไปกวาดสญั ญาณใหม่ แตเ่ รม่ิ จากเสน้ ที่ 2 เปน็ เลขคู่ สลบั จากเสน้ เลขค่ี โดยกวาดสญั ญาณ
จากจอภาพด้านบน ตง้ั แตเ่ ส้นเลขท่ี 2, 4, 6, 8, ... เป็นตน้ ไป จนถงึ เสน้ กวาดสัญญาณเลขคูเ่ สน้ สุดท้าย
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37