Page 31 - การบริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
P. 31

ความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศทางกายภาพ 11-21

                     -	 การต้านทานความร้อน (heat resistance) คือ ความทนทานของกระจกต่อสภาวะการ
เปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิแบบทันทีทันใด จากการทดสอบความสามารถในการต้านทานความร้อนของกระจกนิรภัย
เท็มเปอร์เปรียบเทียบกับกระจกธรรมดาที่มีความหนา 5 มิลลิเมตรเท่ากัน มีผลการทดสอบดังต่อไปนี้

                     -	 กระจกเท็มเปอร์สามารถทนต่อการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิได้ท่ีค่าความแตกต่างของ
อุณหภูมิสูงถึงประมาณ 170 องศาเซลเซียส และจะเร่ิมแตกทั้งหมดเมื่ออุณหภูมิสูงถึงประมาณ 220 องศาเซลเซียส

                     -	 กระจกธรรมดาสามารถทนต่อการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิได้ที่ค่าความแตกต่างของ
อุณหภูมิเพียง 60 องศาเซลเซียส และจะแตกทั้งหมดเมื่อค่าของอุณหภูมิสูงข้ึนจนถึงประมาณ 120 องศาเซลเซียส

                ข้อควรพิจารณาในการใช้งาน
                     -	 จุดอ่อนของกระจกนิรภัยเท็มเปอร์ คือ แรงที่กระท�ำเป็นจุด หากมีการกระแทกเป็นจุด

ท่ีมีมุมแหลม ซ่ึงท�ำให้เกิดการตัดลึกเข้าไปภายในผิวกระจก ท�ำให้ช้ันแรงอัดถูกท�ำลาย ความสมดุลภายในเนื้อกระจก
ก็จะถูกท�ำลาย

                     -	 กระจกนิรภัยเท็มเปอร์สามารถคงรูปร่างได้ด้วยความสมดุลของแรงอัดและแรงดึง
ดังนั้น เมื่อน�ำกระจกชนิดน้ีมาใช้งานจะต้องไม่มีการเจาะรู บาก หรือตัดแต่งในภายหลังโดยเด็ดขาด

                     -	 ส่วนของกระจกนิรภัยเท็มเปอร์ท่ีมีการเจาะรู พ่นทราย หรือท�ำเคร่ืองหมายใด ๆ จะมี
ความเปราะบางมากกว่าส่วนอื่น ๆ

                     -	 ไม่ควรยึดกระจกกับโลหะโดยตรง ควรมียางหรือวัตถุอื่นมารองรับ
                     -	 ผิวกระจกนิรภัยเท็มเปอร์จะเป็นคลื่นมากกว่ากระจกธรรมดา
                2)	กระจกฮตี สเตรงเทน (heat strengthen glass) เป็นกระจกท่ีได้จากกระบวนการผลิตท่ีคล้ายกับ
กระจกนิรภัยเท็มเปอร์ แต่ต่างกันที่กระจกฮีตสเตรงเทนจะปล่อยให้กระจกเย็นลงอย่างช้า ๆ จึงมีความแข็งแรงกว่า
กระจกนิรภัยเท็มเปอร์
                คณุ สมบัตเิ ฉพาะของกระจกประเภทน้ี คือ
                     -	 เปน็ กระจกกง่ึ นริ ภยั มคี ณุ สมบตั พิ เิ ศษ คือ แขง็ แกรง่ กวา่ กระจกธรรมดาประมาณ 2 เทา่
                     -	 เหมาะส�ำหรับการป้องกันการแตกของกระจกจากความร้อน
                     -	 ลักษณะการแตกของกระจกชนิดนี้จะแตกเป็นแผ่นเหมือนกระจกธรรมดา
                ข้อควรพิจารณาในการใช้งาน
                     -	 ในการตดิ ตง้ั กระจกกบั โครงสรา้ งอาคารสงู สามารถใชแ้ ทนกระจกธรรมดาโดยลดความ
หนาของกระจกลง
                     -	 ใช้กับสถานที่ท่ีต้องเผชิญกับภาวะที่มีความร้อนสูงกว่าปกติ
                     -	 ใช้กับผนังอาคารและหน้าต่างท่ีมีแรงอัดลมสูง
                     -	 ใช้กับสถานที่ที่ต้องการใช้กระจกท่ีมีความแข็งแรงและปลอดภัยสูงกว่าการใช้กระจก
ธรรมดา
                     -	 ใช้กับห้องโชว์ หรือตู้โชว์สินค้าท่ีต้องทนต่อแรงกระแทกในการใช้งาน
            3.3.3		 กระจกฮีตสตอ็ ป (heat stop)  มีลักษณะเป็นกระจกสองชั้น ประกอบช้ันด้วยกระจกสะท้อนแสง
ที่เคลือบด้วยสารท่ีมีสภาพการแผ่รังสีต่ําเป็นกระจกด้านนอก และด้านในใช้กระจกใส สารที่เคลือบน้ันสามารถป้องกัน
ความรอ้ นอนิ ฟราเรดใหผ้ า่ นเขา้ มาไดเ้ พยี ง 5% ชอ่ งวา่ งตรงกลางใสก่ า๊ ซอารก์ อน คณุ สมบตั เิ ฉพาะ เชน่ สามารถสะทอ้ น
ความร้อนออกไปจากกระจกได้มาก ยอมให้แสงสว่างผ่านกระจกเข้ามามากถึงประมาณ 60% ป้องกันรังสี
อัลตราไวโอเลต โดยสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตได้ประมาณ 95%
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36