Page 48 - เทคโนโลยีกระบวนการพิมพ์
P. 48
4-40 เทคโนโลยีกระบวนการพิมพ์
ค.ศ. 1980 เทคโนโลยีการพิมพ์ออฟเซตไร้นํ้าเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศสหรัฐอเมริกา ในงานแสดงการพิมพ์
Print’ 80 แต่ยังมีผู้ใช้ไม่มากนักเนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาใช้แม่พิมพ์เนกาทิฟเป็นส่วนใหญ่ จนได้ผลิตแม่พิมพ์
เนกาทิฟในรุ่น TAN negative type plate ออกสู่ตลาดใน ค.ศ. 1982 การยอมรับเทคโนโลยีการพิมพ์ออฟเซตไร้นํ้า
ในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากยังไม่แน่ใจกับเทคโนโลยีนี้ และปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นเดิมตอน
ที่บริษัท 3M ได้แนะนำ�เทคโนโลยีนี้ไว้ เช่น ชั้นซิลิโคนที่ไม่สามารถต้านการขูดขีดที่เพียงพอ ปัญหาขึ้นพื้นที่บริเวณ
ไร้ภาพ ยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร แหล่งผลิตและจำ�หน่ายหมึกพิมพ์สำ�หรับการพิมพ์ออฟเซตไร้นํ้าในอเมริกา
ยังมีน้อย อีกทั้งสิทธิบัตรแม่พิมพ์ออฟเซตไร้นํ้ายังคงเป็นของบริษัท TORAY ผู้เดียว การกระจายสินค้าแม่พิมพ์
ออฟเซตไร้นํ้าขึ้นกับการตลาดของบริษัท TORAY
เมื่อสิทธิบัตรแม่พิมพ์ออฟเซตไร้นํ้าที่บริษัท TORAY ถือครองได้หมดอายุ จึงได้มีบริษัทผู้ผลิตอื่นนำ�
เทคโนโลยีแม่พิมพ์ออฟเซตไร้นํ้ามาพัฒนาเพิ่มเติม เช่น
บรษิ ทั Presstek พฒั นาแมพ่ มิ พ์ Presstek PEARLDRY ซึง่ เปน็ แมพ่ มิ พอ์ อฟเซตไรน้ ํา้ ทีใ่ ชแ้ มพ่ มิ พพ์ ลาสตกิ
เคลือบฟอยล์ และใช้ลำ�แสงเลเซอร์สร้างภาพบนแม่พิมพ์โดยไม่ต้องมีนํ้ายาสร้างภาพ ลำ�แสงเลเซอร์ชนิด IR จะเผา
ชั้นซิลิโคนด้านบนออก เหลือเป็นชั้นพอลิเมอร์ที่อยู่ด้านล่างเพื่อเป็นส่วนบริเวณภาพ ต่อมาแม่พิมพ์ชนิดนี้นำ�มาใช้ใน
เครื่องพิมพ์ DI (direct imaging press) ที่ทำ�ให้สามารถสร้างแม่พิมพ์บนเครื่องพิมพ์ได้โดยตรง
ใน ค.ศ. 1994 บรษิ ทั Kodak Polychrome Graphics (KPG) ไดจ้ ดสทิ ธบิ ตั รแมพ่ มิ พเ์ นกาทฟิ ทีไ่ วตอ่ ล�ำ แสง
เลเซอร์ชนิด IR ภายใต้ชื่อ “computer to waterless plate (CTWP)” แต่ยังต้องใช้นํ้ายาสร้างภาพในการสร้างภาพ
แต่แม่พิมพ์ออฟเซตไร้นํ้าของบริษัท KPG มีชั้นฟิล์มป้องกันขูดขีดอยู่บนชั้นซิลิโคน
แมพ่ มิ พอ์ อฟเซตไรน้ ํา้ ในยคุ แรกมปี ญั หาทีไ่ มส่ ามารถวดั ขนาดเมด็ สกรนี ดว้ ยเครือ่ งวดั เมด็ สกรนี (dotmeter)
เนื่องจากชั้นซิลิโคนด้านบนแม่พิมพ์จะใส และสะท้อนแสงได้ดี บริษัท TORAY ได้พัฒนาแม่พิมพ์ออฟเซตไร้นํ้ารุ่น
RG 5 ที่สามารถใช้เครื่องวัดขนาดเม็ดสกรีนวัดขนาดเม็ดสกรีนบนแม่พิมพ์ได้
การพิมพ์ออฟเซตไร้นํ้าได้รับการตอบรับจากภาคอุตสาหกรรมการพิมพ์เป็นอย่างดี มีบริษัทผู้ผลิตอื่นๆ ที่
ผลิตเครื่องพิมพ์ หมึกพิมพ์ และกระดาษสำ�หรับการพิมพ์ออฟเซตไร้นํ้า จึงส่งเสริมให้มีผู้ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์นี้
มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ทำ�ให้บริษัทต้องขยายการผลิตแม่พิมพ์เพิ่มขึ้น และขยายตลาดไปยังทวีปยุโรป
โดยมีบริษัท marks-3-zet ในเมือง Mulheim เป็นตัวแทนจำ�หน่ายในประเทศเยอรมนี
2. พัฒนาการของเครอื่ งพมิ พ์
ช่วงแรกที่การพิมพ์ออฟเซตไร้นํ้าเป็นที่รู้จัก เครื่องพิมพ์ออฟเซตพัฒนาขึ้นโดยถอดหน่วยทำ�ชื้นออกจาก
เครื่องพิมพ์ แต่ต้องมีหน่วยทำ�เย็นให้กับแม่พิมพ์ (plate cooling unit) เช่น มีท่อลมเป่า (blast air) เครื่องพิมพ์
ออฟเซตไร้นํ้าที่เป็นที่รู้จักในยุคแรก คือ เครื่องพิมพ์ GTO DI ผลิตโดยบริษัท Heidelberger Druckmaschinen
AG ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ออฟเซตป้อนแผ่นที่ใช้เทคโนโลยี DI (Direct Imaging) ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Presstek
แมพ่ มิ พท์ ีใ่ ชก้ บั ระบบ DI เปน็ แมพ่ มิ พ์ Presstek PEARLDRY ทีใ่ ชล้ �ำ แสงเลเซอรส์ รา้ งภาพ โดยไมต่ อ้ งมกี ารสรา้ งภาพ
ด้วยนํ้ายาสร้างภาพ บริษัท Heidelberg ได้นำ�เครื่องพิมพ์ GTO DI มาแสดงครั้งแรกในงานแสดงการพิมพ์ Print 91
ที่เมือง Chicago ใน ค.ศ. 1991 ต่อมามีผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยี DI อื่นๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่ยังเป็น
เครื่องพิมพ์ขนาดเล็กสำ�หรับตลาดสิ่งพิมพ์เฉพาะ จึงยังจำ�กัดผู้ใช้ฉพาะกลุ่มเท่านั้น
ความต้องการเครื่องพิมพ์ออฟเซตที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิลูกกลิ้งหมึก ให้ควบคุมคุณภาพงานพิมพ์ให้
คงที่ สำ�หรับเครื่องพิมพ์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ แต่ไม่สามารถทำ�ได้ภายใต้อุณหภูมิห้องที่แตกต่างกันมาก จึงทำ�ให้
เครื่องพิมพ์ออฟเซตไร้นํ้าเริ่มจากเครื่องพิมพ์ป้อนแผ่นขนาดเล็ก