Page 17 - ประวัติศาสตร์ไทย
P. 17
พัฒนาการของบา้ นเมอื งก่อนการสถาปนาแควน้ สุโขทัย 2-7
การดำ� รงอยขู่ องมนษุ ยย์ คุ หนิ เกา่ ในประเทศไทย จากการสำ� รวจของนกั โบราณคดแี ละนกั ประวตั -ิ
ศาสตร์พบหลักฐานสนับสนุนค่อนข้างน้อย ท่ีส�ำคัญไม่พบโครงกระดูกมนุษย์ของยุคน้ีในประเทศไทย แต่
สันนิษฐานว่ามนุษย์ยุคนี้อาจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับมนุษย์ชวา3 และมนุษย์ปักก่ิง4 หลักฐานเท่าที่พบ
สว่ นใหญเ่ ปน็ เครอื่ งมอื ประเภทหินกะเทาะหนา้ เดยี วในทอ้ งทต่ี ่างๆ เช่น
ภาคกลาง นักโบราณคดีและนกั ประวัติศาสตร์โบราณชาวฮอลันดา ชื่อ เอช อาร์ แวน ฮกิ เกอเรน
(H.R. Van Heekeren) ได้ถกู ควบคมุ ตวั มาสรา้ งทางรถไฟทเ่ี มืองกาญจนบุรี ในชว่ งสงครามมหาเอเชีย
บูรพา (พ.ศ. 2484-2488) ระหว่างนั้นได้พบเคร่ืองมือหินกรวดหน้าเดียวและขวานหินขัดทรงสี่เหลี่ยม
บริเวณสถานีบ้านเก่าและสถานีวังโพธิ์ จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้เก็บซ่อนไว้ ต่อมาเม่ือสงครามสงบจึง
มกี ารนำ� เครือ่ งมอื หนิ เหลา่ นไ้ี ปตรวจสอบทพ่ี พิ ิธภณั ฑพ์ ีบอดี มหาวทิ ยาลยั ฮาวารด์ ประเทศสหรฐั อเมริกา
ขณะดียวกนั ยังพบอกี หลายแหง่ ในจังหวดั กาญจนบุรี จงั หวัดราชบรุ ี และจังหวัดลพบุรี
ภาคใต้ นกั โบราณคดี ชอื่ ดร.ดกั ลาส แอนเดอรส์ นั (Dr. Douglas Anderson) นกั มานษุ ยวทิ ยา
โบราณคดีจากมหาวิทยาลัยบราวน์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกับกรมศิลปากร ท�ำการขุดค้นทาง
โบราณคดีพบเคร่ืองมือหินกะเทาะประเภทต่างๆ ท่ีท�ำมาจากหินกรวดแม่น้ํา และพบสะเก็ดหินชิ้นใหญ่ที่
แหลง่ โบราณคดบี รเิ วณถาํ้ หลงั โรงเรยี นทบั ปรกิ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั กระบ่ี และในเวลาตอ่ มา สรุ นิ ทร์ ภขู่ จร
ได้ขดุ พบเครอื่ งมอื หินกะเทาะหน้าเดียวทีแ่ หล่งโบราณคดีถาํ้ หมอเขยี ว จังหวัดกระบี่
ภาคเหนือ นักโบราณคดีสามารถขุดพบเครื่องมือหินกรวดขนาดใหญ่ที่อ�ำเภอเชียงแสน จังหวัด
เชยี งราย เครอื่ งมอื หนิ กรวดแมน่ า้ํ ทอ่ี ำ� เภอแมท่ ะ จงั หวดั ลำ� ปาง อำ� เภอรอ้ งกวาง จงั หวดั แพร่ และทสี่ ำ� คญั
บรเิ วณถํ้าผแี มน อ�ำเภอเมือง จังหวัดแมฮ่ ่องสอน และยงั พบท่ผี าช้าง จังหวัดเชียงใหม่
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื พบเครอ่ื งมอื หนิ กะเทาะ ทบ่ี รเิ วณรมิ แมน่ า้ํ โขง อำ� เภอเชยี งคาน จงั หวดั
เลย
จะเหน็ ไดว้ า่ มนษุ ยย์ คุ หนิ เกา่ ในประเทศไทยอาศยั กระจดั กระจายกนั อยทู่ วั่ ไปแทบทกุ ภมู ภิ าคของ
ประเทศไทย และถงึ แมว้ ่าจะยงั ไม่พบโครงกระดูกของมนษุ ย์ยุคน้ี แต่พอสันนิษฐานลกั ษณะการด�ำรงชวี ติ
ไดจ้ ากเครื่องมอื เครอ่ื งใช้ท่ีพบในบรเิ วณต่างๆ ดังกล่าว
ยุคหินกลาง
ยุคหินกลาง สันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 10,000 ถึง 5,000 ปีล่วงมาแล้ว การด�ำรงชีวิตไม่
แตกต่างไปจากมนุษย์ยุคหินเก่ามากนัก ยังคงอาศัยอยู่ในถ้ําและตามเพิงผาใกล้ห้วยนํ้าล�ำธาร ล่าสัตว์
จับสัตว์ และเกบ็ ผลไม้ สว่ นเครอื่ งมือเครื่องใช้ของมนษุ ย์ในยคุ นเ้ี ทา่ ท่ขี ุดพบ ปรากฏว่ายังคงเป็นเครอื่ งมือ
หินกะเทาะหนา้ เดยี วขนาดใหญ่ มีลกั ษณะเหมือนสมัยหนิ เก่าแต่มคี วามประณีตมากขนึ้ กว่าเดิม
จากการส�ำรวจของนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ไทย–เดนมาร์ก ได้มีการขุดพบหลักฐานท่ี
บง่ บอกถึงการดำ� รงชวี ติ อยู่ของมนุษยใ์ นยคุ หินกลาง เชน่ พ.ศ. 2504 ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ ทีถ่ ้ําพระ
3 มนุษย์ชวา เปน็ ชือ่ ตงั้ ตามฟอสซิลท่ขี ดุ พบใน พ.ศ. 2434 ท่ีตำ�บลตรนิ ิล บริเวณลุ่มแมน่ าํ้ โซโล ในเกาะชวาภาคกลาง
4 มนุษย์ปกั ก่ิง ถูกพบเป็นครง้ั แรกใน พ.ศ. 2464 ท่ีจกู เู ทยี น ผาถํ้าแห่งนี้อย่หู ่างจากกรงุ ปักกิ่งไปทางตะวนั ตกเฉยี งใต้