Page 31 - พื้นฐานสังคมเเละวัฒนธรรมเขมร
P. 31
สภาพสังคม 4-21
2. นักการเมอื งและทหาร
นักการเมืองและทหารเข้ามามีบทบาททางสังคมภายหลงั จากที่ประเทศปรับเปล่ยี นการบริหารสู่
รูปแบบปัจจุบัน แม้ว่านักการเมืองและทหารจะมีพัฒนาการทางสังคมด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่าเม่ือเทียบ
กับคนกลุ่มอื่นทางสังคม แต่ต้องยอมรับวา่ ในปจั จบุ ันคนสองกลุ่มน้ถี ือเปน็ ผู้นาทางสังคมท่ีสาคัญ และย่ิง
ทวคี วามสาคัญในฐานะผู้นาทางสงั คม ในบางชว่ งของประวตั ิศาสตร์ อาทิ ในช่วงทศวรรษ 1970 ท่ีแยง่ ชงิ
อานาจการบรหิ ารประเทศของฝ่ายทหาร โดยนักการเมืองและทหารกลายเป็นผ้นู าทางสงั คมที่กมุ อานาจ
หลกั ในการบรหิ ารประเทศและทรงอิทธิพลตอ่ การกาหนดทิศทางประเทศ
ความจริงแล้วบทบาทของนักการเมืองคือเป็นตัวเช่ือมระหว่างประชาชน สังคม และรัฐ ส่วน
บทบาทของทหารคือสร้างความมั่นคงแก่ประเทศ บทบาทดงั กล่าวเปน็ ฟันเฟืองสาคัญในการนาพาสังคม
ให้รุดหน้า อย่างไรก็ดี ในบางช่วง บางเหตุการณ์ หรือบางสถานการณ์นักการเมืองและทหารกลับสร้าง
ความยุ่งยากและสบั สนให้แกส่ ังคมเสยี เอง เชน่ เหตกุ ารณ์ทีเ่ กิดขึน้ หลงั จากการลงนามข้อตกลงสนั ตภิ าพ
ท่ีกรุงปารีส ใน ค.ศ. 1991 โดยให้จัดเลือกตั้งภายใต้องค์การบริหารกัมพูชาช่ัวคราวของสหประชาชาติ
หรือ อันแท็ก (United Nations Transitional Authority in Cambodia หรือ UNTAC) ในครั้งน้ัน
สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ และนายสม รังสี เข้ามามีบทบาททางการเมือง โดยเป็นแกนนาสาคัญ
ของพรรคฟุนซินเปก (ภายหลังสม รังสี ออกจากพรรคฟุนซินเปก แล้วก่อตั้งพรรคสม รังสี) ผลการ
เลือกต้ังพรรคฟุนซินเปกได้รับคะแนนเสียงสูงสุด รองลงมาคือพรรคประชาชนกัมพูชา โดยมีแกนนา
คนสาคญั คือฮนุ เซน ที่เริม่ แสดงบทบาทของนกั การเมืองอยา่ งแขง็ กรา้ ว ประกาศไมย่ อมรับผลการเลือกตั้ง
ในครั้งน้ัน และใช้นโยบายแยกดินแดนทางตะวันออกเปน็ รัฐอิสระซงึ่ เป็นฐานเสียงสาคัญของฮุน เซน ใน
ท้ายที่สุดการเมืองเขมรได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ คือ มีนายกรัฐมนตรี 2 คนในการบริหารประเทศ
โดยสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนท่ี 1 และฮุน เซนเป็นนายกรัฐมนตรีคนท่ี 2
เหตุการณ์นี้ได้สร้างความยุ่งยากและสับสนในการบริหารราชการอย่างมาก ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของ
นกั การเมืองที่ชื่อวา่ ฮุน เซน ในการขึ้นสู่อานาจบรหิ ารสูงสดุ ของประเทศและครอบครองอานาจการบริหาร
ไว้จนปัจจบุ ัน
