Page 44 - การผลิตภาพยนตร์เบื้องต้น
P. 44
4-34 การผลติ ภาพยนตรเ์ บ้อื งต้น
และขอบล่างของเฟรม เราสามารถดูภาพย้อนกลับได้ท่ีมอนิเตอร์ “non-widescreen” ท่ีเป็นประเภท
“letterbox” หรอื หากจดุ มงุ่ หมายในการฉายภาพยนตรเ์ พยี งแคก่ ารชมทางจอภาพ หรอื จอมอนเิ ตอร์ ทไ่ี มใ่ ช่
“widescreen” วธิ นี จ้ี งึ เป็นวธิ ีที่สะดวกมากท่สี ดุ
4. การใช้เลนส์แอนะมอร์ฟิก กล้องบางตัวสามารถน�ำเลนส์แอนะมอร์ฟิกมาสวมใส่ที่หน้ากล้อง
ได้เลย วิธีนี้ด้านข้างของภาพในแนวระนาบจะถูกบีบอัด เข้ามาด้วยประสิทธิภาพของเลนส์ลงบนแผ่น
เซนเซอร์ อัตราส่วน 4 : 3 ได้ เปน็ อัตราส่วนของภาพ 16 : 9
ข้อได้เปรียบของการใช้เลนส์แอนะมอร์ฟิกติดท่ีหน้ากล้องน้ีเพราะการถ่ายท�ำด้วยเซนเซอร์
“widescreen” นนั้ เสน้ กวาดสญั ญาณแนวระนาบทงั้ หมดของเซนเซอรช์ ปิ น้ี ถกู ใชเ้ ตม็ พนื้ ท่ี โดยไมม่ สี ว่ นใด
สญู เสยี ไปเปน็ การรกั ษารายละเอยี ดของภาพไดส้ มบรู ณ์ อยา่ งไรกต็ ามการใชเ้ ลนสแ์ อนะมอรฟ์ กิ ตอ้ งมกี าร
ตง้ั ใหไ้ ดจ้ ดุ กงึ่ กลางของเสน้ แนวตง้ั เพอ่ื ใหเ้ กดิ การบบี ภาพของเลนสบ์ นแกนเสน้ แนวนอนเทา่ นน้ั และรกั ษา
จดุ โฟกัสได้ดี ส่วนสิ่งที่เป็นขอ้ ดอ้ ยคือ ท�ำใหก้ ลอ้ งมีนำ�้ หนกั มากข้ึน และมีข้อจ�ำกดั ในการใช้การซมู ภาพ
นอกจากน้ีภาพท่ีได้จากการบันทึกการถ่ายท�ำเป็น “full-height anamorphic (FHA)” เป็น
ภาพที่ถูกบีบอัดในแนวตั้ง กล้องบางประเภทอาจมีความลงตัวพอดีกับเลนส์แอนะมอร์ฟิกน้ี โดยจะคลาย
การบบี อดั ภาพเปน็ ปกตทิ จี่ อมองภาพ (viewfinder) หรอื จอ LED ในขณะทที่ ำ� การถา่ ยทำ� หากไมม่ สี งิ่ น้ี
จะทำ� ให้ยุง่ ยากในการจัดองค์ประกอบภาพ
5. วธิ ถี า่ ยดว้ ย 4 : 3 แลว้ ปรบั เปน็ 16 : 9 ภายหลงั (shoot 4 : 3, create 16 : 9 later) การถา่ ยทำ� ใหไ้ ด้
อตั ราส่วน 16 : 9 โดยการใชก้ ลอ้ งทีม่ ีขนาดเซนเซอร์ 4 : 3 ดว้ ยวธิ กี ารถา่ ยทำ� เต็มพ้นื ที่แผ่นเซนเซอร์ชปิ
เรยี กวา่ “full-frame” ของขนาด 4 : 3 แลว้ เปลยี่ นเปน็ “letterbox” หรอื ใชว้ ธิ ี “full-height anamorphic
(FHA)” หรอื ใช้วิธี “digital stretch” ในชว่ งระหว่างข้นั ตอนหลงั การถ่ายท�ำ (post) ซงึ่ ความละเอียด
ของภาพ (resolution) จะให้คุณภาพสูงสุด ดีกวา่ การใช้กล้องทม่ี ีคณุ ภาพตำ�่ ถา่ ยท�ำด้วยอัตราส่วนเฟรม
16 : 9 นอกจากน้ยี งั สามารถปรบั ต�ำแหนง่ เฟรมขึ้นหรอื ลงไดใ้ หม่ หรอื จะท�ำใหเ้ ปน็ “full-frame” ของ
ขนาดเซนเซอร์ 4 : 3 ตามทีถ่ า่ ยมาในภายหลังก็ได้เชน่ กนั
การถ่ายทำ� ดว้ ยวิธีนต้ี ากล้องต้องสามารถมองเหน็ ปลายขอบของเฟรม 16 : 9 จากชอ่ งมองภาพ
(viewfinder) ของกลอ้ งทมี่ อี ตั ราสว่ น 4 : 3 ได้ ซงึ่ ถา้ เปน็ กลอ้ งถา่ ยภาพยนตรร์ ะบบฟลิ ม์ จะสามารถมอง
เห็นภาพในชอ่ งมองภาพ (viewfinder) ของกลอ้ งได้เหมือนกัน ดงั นั้นเราจึงรู้ขอบเขตท่ชี ดั เจนของเฟรม
ว่าครอบคลุมถึงพื้นที่ใดของฉาก แต่ถ้าหากเป็นกล้องที่มีคุณภาพต�่ำ มักจะมองเห็นภาพในช่องมองภาพ
(viewfinder) ของกล้อง กบั จอมอนเิ ตอร์ไมเ่ ทา่ กนั ซึ่งจอมอนิเตอรบ์ างเครอ่ื งแสดงภาพ “widescreen”
ในเฟรมหลากหลายอตั ราสว่ นแตถ่ า้ หากไมม่ เี สน้ แสดงขอบเขตของเฟรมนอ้ี าจถา่ ยทำ� ไดโ้ ดยกำ� หนดขนาด
เฟรม 16 : 9 ทจี่ อมอนเิ ตอรเ์ ลย ดว้ ยวธิ ี “framing chart” แตข่ นาดของภาพในเฟรมอาจมขี นาดไมเ่ ทา่ กนั
ซ่งึ เปน็ ขอ้ เสยี
ด้วยหลักการเดียวกันนี้ สามารถใช้ในการถ่ายท�ำ “widescreen” ท่ีขนาดอัตราส่วนของเฟรม
กว้างกว่า 16 : 9 ได้ ตวั อย่างเชน่ ใช้กลอ้ ง HD (high definition) ท่ปี กตถิ ่ายท�ำในระบบ 16 : 9 ได้อยู่
แลว้ แต่สามารถท�ำเป็นภาพ “widescreen” ด้วยขนาดอัตราส่วนของ 2.39 : 1 ได้ โดยการตดั ขอบบน
และขอบลา่ งของเฟรมออก กจ็ ะได้เปน็ จอภาพ “widescreen” ทกี่ วา้ งกวา่ 16 : 9