Page 118 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 118

11-66 ​พฤติกรรมม​ นุษย์แ​ ละ​จริยธรรม​ทาง​เศรษฐกิจแ​ ละ​ธุรกิจ

การเ​ข้าถ​ ึงก​ ิจกรรมท​ างเ​ศรษฐกิจ และโ​ครงสร้างพ​ ื้นฐ​ านข​ องร​ ัฐอ​ ย่างท​ ั่วถ​ ึงที่จ​ ะน​ ำไ​ปส​ ู่ก​ ารล​ ดค​ วามย​ ากจนแ​ ละช​ ่องว​ ่าง​
ของร​ ายไ​ด้ ตลอดจ​ น​มี​ที่อ​ ยู่อ​ าศัย​ที่ม​ ั่นคง มีร​ ะบบส​ าธารณูปโภค​ที่​พอ​เพียง เช่น ไฟฟ้า น้ำ​ประปา และก​ าร​สื่อสาร ที่​ส่ง​
ผลต​ ่อค​ ุณภาพช​ ีวิต มีส​ ภาพแ​ วดล้อมท​ ี่ม​ ีค​ วามป​ ลอดภัยจ​ ากป​ ัญหาอ​ าชญากรรมแ​ ละย​ าเ​สพต​ ิดต​ ่างๆ และเ​อื้อต​ ่อค​ วาม​
ปลอดภัยใ​นช​ ีวิตแ​ ละท​ รัพย์สินไ​ดเ้​ป็นอ​ ย่างด​ ี ทั้งนีม้​ ผี​ ลม​ าจ​ ากก​ ารท​ ีม่​ อี​ งค์กรป​ กครองส​ ่วนท​ ้องถ​ ิ่น มกี​ ารกร​ ะจ​ าย​ อำน​ าจ​
อย​ ่าง​ทั่วถ​ ึง มีก​ ารพ​ ัฒนาการบ​ ริหาร​จัดการก​ ิจกรรม​สาธารณประโยชน์​ให้​แก่​ตำบล

       จะ​เห็น​ได้​ว่า ระดับ​ความ​สุข​ของ​ประชาชน​ใน​เขต​องค์การ​บริหาร​ส่วน​ตำบล​กมลา​ส่วน​ใหญ่​อยู่​ใน​ระดับ​มาก​
เนื่องจาก​พื้นที่​ตำบล​กมลา​เป็น​พื้นที่​มี​ภูเขา​ล้อม​รอบ​และ​ติด​ชายฝั่ง​ทะเล​อันดามัน​ซึ่ง​เกือบ​แยก​เป็น​เมือง​อีก​เมือง​หนึ่ง​
ใน​หุบเขาห​ รือ​เรียก​ว่า “แม่ฮ่องสอน​น้อย” มีศ​ ักยภาพ​ด้านท​ รัพยากรธรรมชาติ​และส​ ิ่ง​แวดล้อม​ซึ่ง​นับ​ว่า​เป็น​พื้นที่​ที่​ยัง​
มี​ความอ​ ุดม​สมบูรณ์ท​ ั้งด​ ้านภ​ ูมิประเทศ​และ​สภาพ​แวดล้อม ประชาชนใ​น​ตำบลก​ มลาม​ ี​จำนวนไ​ม่​มาก​เพียง 4,794 คน
ที่​ประกอบ​อาชีพ​ชาวสวน​ชาวไร่​และ​ประกอบ​อาชีพ​ประมง​  ส่วน​หนึ่ง​ที่​สามารถ​ประกอบ​อาชีพ​ตาม​ศักยภาพ​ที่​มี​อยู่​
อย่างส​ มบูรณ์แ​ ละเ​พียงพ​ อก​ ับค​ วามต​ ้องการแ​ ละส​ ามารถน​ ำ​ส่วนท​ ี่เ​หลือห​ รือ​เกินจ​ าก​ในร​ ะดับค​ รอบครัวแ​ ล้ว สามารถ​
นำ​ไป​จำหน่าย​เพิ่ม​มูลค่า​ให้​กับ​ครอบครัว​และ​ชุมชน​ได้ แต่​ประเด็น​ที่​ประชาชน​มี​ระดับ​ความ​สุข​น้อย​คือ ด้าน​ชุมชน​
เข้ม​แข็งเรื่อง​การ​ส่งเ​สริม​การ​มี​ส่วนร​ ่วมข​ องป​ ระชาชน​ใน​การ​ตรวจ​สอบค​ วาม​โปร่งใส ในท​ ี่น​ ี้ ประชาชน​ในช​ ุมชน​กมลา​ม​ี
ความ​เชื่อ​มั่น​ใน​ศักยภาพ​ของ​ตนเอง สามารถ​พึ่ง​ตนเอง​ได้​ทาง​เศรษฐกิจ​พร้อม​ที่​จะ​จัดการ​แก้​ปัญหา โดย​ไม่​ต้อง​คอย​
ความ​ช่วย​เหลือ​จาก​ภายนอก และ​มี​กระบวนการ​เรียน​รู้​เพื่อ​สร้าง​ภูมิปัญญา​ต่างๆ เพื่อ​สนอง​ความ​ต้องการ​ของ​ชุมชน​
สมาชิก​ใน​ชุมชน สมาชิก​ใน​ชุมชน​มี​ความ​ผูกพัน แต่​ประเด็น​สำคัญ​ที่​ทำให้​ประชาชน​มี​ระดับ​ความ​สุข​น้อย​ที่สุด คือ
การ​เปิด​โอกาส​ให้ป​ ระชาชน​ได้ม​ ีส​ ่วนร​ ่วมใ​น​การ​พัฒนาอ​ ย่างก​ ว้าง​ขวางแ​ ละ​ต่อ​เนื่อง​ภาย​ใต้ก​ าร​ร่วม​เรียน​รู้ ร่วม​คิด แ​ ละ​
ร่วมพัฒนา​เศรษฐกิจ สังคม​ และ​สิ่งแ​ วดล้อม​ในช​ ุมชน ตลอดจ​ น​การส​ ่งเ​สริม​ให้​ประชาชน​มีส​ ่วนร​ ่วม​ใน​การ​ตรวจส​ อบ​
ความโ​ปร่งใสข​ องท​ ้องถ​ ิ่น เนื่องจากใ​นก​ ารด​ ำเนินง​ านเ​พื่อพ​ ัฒนาท​ ้องถ​ ิ่น องค์การบ​ ริหารส​ ่วนต​ ำบลไ​ม่ไ​ด้ป​ ระชาสัมพันธ​์
ข้อมูลข​ ่าวสารแ​ ละร​ ายงานผ​ ลก​ ารด​ ำเนินก​ ารก​ ิจการท​ ี่ไ​ด้ก​ ระทำไ​ปแ​ ล้วอ​ ย่างเ​ปิดเ​ผย โดยเ​ฉพาะก​ ารจ​ ัดใ​ห้ม​ ีศ​ ูนย์ข​ ้อมูล​
ข่าวสาร​ของ​องค์การ​บริหาร​ส่วน​ตำบล ประกอบ​กับ​การ​ไม่​ได้​รับ​ฟัง​ข้อ​เสนอ​แนะ​และ​ความ​คิด​เห็น​อย่าง​จริงจัง​หรือ​ไม่​
นำ​ปัญหา​และ​ความ​ต้องการ​ของ​ประชาชน​ไป​กำหนด​นโยบาย​สาธารณะ​ของ​ท้อง​ถิ่น ซึ่ง​สอดคล้อง​กับ​ข้อ​เสนอ​แนะ​
ของป​ ระชาชนผ​ ู้​ตอบ​แบบสอบถามถ​ ึง​ความต​ ้องการ​การ​มี​ส่วนร​ ่วม​ใน​การ​พัฒนา และ​การต​ รวจ​สอบค​ วาม​โปร่งใสข​ อง​
ท้องถ​ ิ่น และร​ วมถ​ ึงก​ ารป​ ระชาสัมพันธใ์​นก​ ารร​ ับร​ ู้ข​ ้อมูลข​ ่าวสารอ​ ย่างท​ ั่วถ​ ึง เมื่อป​ ระชาชนไ​ม่ไ​ด้ร​ ับร​ ู้ข​ ้อมูลข​ ่าวสารอ​ ย่าง​
ทั่ว​ถึง สามารถ​เป็น​ข้อ​บ่ง​ชี้​ได้​ว่า​อาจ​เป็น​เพราะ​ประชาชน​ไม่​ได้​รับ​รู้​ข้อมูล​และ​เข้าใจ​ข่าวสาร​อย่าง​เปิด​เผย​และ​โปร่งใส
จึง​ทำให้​เกิด​การ​ขาด​การ​มี​ส่วน​ร่วม​จาก​ประชาชน ทั้ง​ที่​ประชาชน​ใน​ชุมชน​มี​ความ​เชื่อ​มั่น​ใน​ศักยภาพ​ของ​ตนเอง​และ​
สามารถ​พึ่ง​ตนเองไ​ด้ท​ าง​เศรษฐกิจ​พร้อมท​ ี่จ​ ะแ​ ก้​ปัญหา

       จาก​ข้อมูล​แบบสอบถาม​ของป​ ระชาชน​ใน​เขตอ​ งค์การ​บริหารส​ ่วนต​ ำบลก​ มลา จะ​เห็นไ​ด้ว​ ่า​ระดับ​ความ​สุข​ของ​
ประชาชน​ยัง​อยู่​ใน​ระดับ​มาก แต่​ยัง​มี​จุด​ด้อย​ที่​จะ​ต้อง​ปรับปรุง​และ​พัฒนา​เพื่อ​ให้​ประชาชน​ได้​มี​ความ​สุข​อย่าง​แท้จริง
ดังน​ ั้น หากต​ ้องการใ​หป้​ ระชาชนม​ คี​ วามส​ ุข นโยบายส​ าธารณะแ​ ละแ​ นวทางก​ ารพ​ ัฒนาท​ ี่มาจ​ ากป​ ัญหาแ​ ละค​ วามต​ ้องการ​
ของ​ประชาชน​จึง​จำเป็น​และ​มี​ความ​สำคัญ​ที่สุด​ดัง​ที่ วิทยากร เชียง​กูล (2548) ได้​กล่าว​ไว้​ว่า นโยบาย​สาธารณะ​มี​ผล​
ต่อ​การ​ลด​ความ​ทุกข์​ได้​ง่าย​กว่า​การ​สร้าง​ความ​สุข เนื่องจาก​สาเหตุ​ของ​ความ​ทุกข์​และ​การ​ขจัด​ทุกข์​มัก​เห็น​ได้​ง่าย​กว่า​
นโยบายส​ าธารณะ​จึงค​ วรม​ ุ่งไ​ปท​ ี่ก​ ลุ่มค​ นท​ ี่ม​ ีค​ วามท​ ุกข์ใ​นส​ ังคม และย​ ังส​ อดคล้อง​กับท​ ี่​ ริช​ าร์ด เลยา​ร์ด (2548) อธิบาย​
ถึงค​ วามจ​ ริงข​ องค​ วามส​ ุขไ​ว้ว​ ่าค​ วามส​ ุขเ​ป็นป​ ระสบการณ์ท​ ี่เ​ป็นร​ ูปธ​ รรมแ​ ละส​ ามารถว​ ัดไ​ด้ส​ ังคมท​ ี่ด​ ีท​ ี่สุด คือ สังคมท​ ี่ม​ ​ี
ความส​ ุข​มากท​ ี่สุด

       ดังน​ ั้น นโยบายส​ าธารณะค​ วรม​ เี​ป้าห​ มาย เพื่อส​ ร้างค​ วามส​ ุขแ​ ละล​ ดค​ วามท​ ุกข์ใ​หม้​ ากท​ ี่สุด สังคมจ​ ะไ​ม่มคี​ วาม​
สุข​เพิ่ม​ขึ้น ยกเว้นค​ นในส​ ังคม​มี​เป้า​หมาย​ร่วม​กัน​ว่า​ต้องการ​ให้​สังคมม​ ี​ความ​สุขเ​พิ่ม​ขึ้น เนื่องจาก​ความ​สุขข​ อง​คน​ขึ้น​

                             ลิขสทิ ธขิ์ องมหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช
   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123