Page 115 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 115
ความสุขมวลร วมป ระชาชาติ 11-63
2. งานว จิ ัยเก่ยี วก ับการวัดร ะดบั ความสขุ ของป ระชาชน
งานวิจัยเกี่ยวกับก ารวัดระดับค วามสุขของประชาชน จะก ล่าวถึง 2 งานว ิจัย คือ 2.1 วิทยานิพนธ์ เรื่อง ดัชนี
ความอ ยู่ดมี สี ุขม วลร วมข องค นไทย 2.2 รายงานก ารศ ึกษาอ ิสระป ริญญาร ัฐป ระศ าสนศ าสตรม หาบ ัณฑิต สาขาว ิชาการ
ปกครองท ้องถ ิ่น วิทยาลัยก ารป กครองท ้องถ ิ่น มหาวิทยาลัยข อนแก่น เรื่อง การว ัดร ะดับค วามส ุขข องป ระชาชนในเขต
องค์การบริหารส ่วนตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต สรุปได้ดังนี้
2.1 วิทยานิพนธ์ เรื่อง ดชั นคี วามอ ยดู่ มี สี ุขมวลร วมของคนไ ทย ของ สาส ินี เทพส ุวรรณ์ (2548)
การว จิ ยั ในค รัง้ น มี้ วี ตั ถปุ ระสงค์ 3 ประการ คอื 1) ศกึ ษาอ งคป์ ระกอบแ ละต วั ช วี้ ดั ท เี่ หมาะส มส ำหรบั ก ารห าด ชั นี
ความอ ยู่ดีมีสุขม วลร วมในเชิงภ าวะว ิสัย (objective well-being) 2) การเปรียบเทียบค วามแตกต ่างร ะหว่างเพศ อายุ
และก ลุ่มเกษตรกร/กลุ่มที่ไม่ใช่เกษตรกร 3) ความส ัมพันธ์ร ะหว่างความอ ยู่ดีม ีส ุขเชิงอ ัตว ิสัยแ ละเชิงภ าวะว ิสัย โดยใช้
ข้อมูลท ุติยภ ูมจิ ากโครงการ “วิจัยบ ูรณาก ารเชิงพ ื้นทีเ่พื่อแ ก้ไขป ัญหาค วามย ากจนอ ย่างม สี ่วนร ่วมในภ ูมิภาคต ะวันต ก-
การพ ัฒนาตัวชี้ว ัดค วามอ ยู่ดีมีส ุข พ.ศ. 2548” ในจังหวัดชัยนาท ของสถาบันวิจัยประชากรแ ละสังคม มหาวิทยาลัย
มหิดล กลุ่มต ัวอย่างในการศ ึกษาครั้งน ี้ คือ กลุ่มต ัวอย่างที่ม ีอายุ 20 ปีข ึ้นไป ซึ่งม ีจำนวนต ัวอย่างท ั้งส ิ้น 1,838 คน ใน
การประเมินร ะดับความอยู่ดีม ีสุขของประชาชน มีวิธีการว ัดอยู่ 2 ประเภท คือ 1) ความอ ยู่ดีมีสุขเชิงอัตวิสัย หรือความ
สุขจ ากภายใน (subjective well-being, happiness) เป็นค วามส ุขที่เกิดขึ้นจากก ารน ึกคิดของบุคคลแ ละมีลักษณะ
เป็นน ามธรรม 2) ความอ ยู่ดมี สี ุขเชิงภ าวะว ิสัย หรือค วามส ุขจ ากป ัจจัยภ ายนอก เป็นค วามส ุขท ีเ่กิดข ึ้นจ ากอ งคป์ ระก อบ
หลายๆ ด้านท ี่สามารถจับต ้องได้ห รือเห็นได้ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 2.1) ดัชนีความอ ยู่ดีมีสุขเชิงภ าวะวิสัยท ี่มีค่าถ ่วง
น้ำหนักเท่าก ัน เป็นการส ร้างดัชนีที่มีแ นวคิดส ำคัญว่าองค์ป ระกอบข องความอยู่ดีมีสุขทุกด้านม ีค วามส ำคัญต ่อความ
อยู่ดีมีส ุขของป ระชาชนเท่าก ัน 2.2) ดัชนีความอ ยู่ดีมีส ุขเชิงภาวะว ิสัยที่มีค ่าถ่วงน ้ำหนักต่างกัน เป็นการส ร้างด ัชนีจาก
เหตุผลที่ว ่าความสำคัญของแ ต่ละอ งค์ประกอบความอ ยู่ดีมีสุขมีผลต่อประชาชนต่างก ัน
องค์ประกอบที่นำมาใช้ในการวัดความอยู่ดีมีสุขเชิงภาวะวิสัยมีทั้งหมด 6 ด้าน 13 ตัวชี้วัด คือ (1) ด้าน
เศรษฐกิจ ประกอบด้วย รายได้ การกู้ยืมและการเป็นภาวะ การมีเงินออม วัสดุที่ใช้ทำตัวบ้านและสถานภาพการ
ครองที่อ ยู่อาศัย (2) ด้านสภาพแวดล้อมในส ังคม ประกอบด ้วย ทุนท างส ังคมในช ุมชน (3) ด้านครอบครัว ประกอบ
ด้วย ครอบครัวอ บอุ่น และส ถานภาพสมรส (4) ด้านส ุขภาพอนามัย ประกอบด ้วย การเจ็บป ่วย และก ารมีห ลักป ระกัน
สุขภาพ (5) ด้านว ัฒนธรรม/ความเชื่อ ประกอบด ้วย ความพ อใจในฐ านะข องต นเองเมื่อเปรียบเทียบก ับเพื่อนบ ้าน และ
การท ำบุญ และ (6) ด้านก ารศ ึกษา ได้แก่ ระดับก ารศ ึกษาส ูงสุด จากก ารศ ึกษา พบว ่า ดัชนีค วามอ ยู่ดีม ีส ุขม วลร วมข อง
ผู้ชายสูงกว่าผ ู้หญิง กลุ่มอ ายุ 20-39 ปีส ูงกว่ากลุ่มอายุอ ื่นๆ และก ลุ่มที่ม ีอาชีพเกษตรกรส ูงก ว่ากลุ่มที่ไม่ใช่เกษตรกร
ทางด้านค วามส ัมพันธ์ระหว่างความอ ยู่ดีมีส ุขแต่ละประเภท พบว่า มีความส ัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ และการส ร้าง
ดัชนีความอยู่ดีมีสุขโดยการให้ค่าตัวถ่วงน้ำหนักต่างกันจะมีผลทำให้ดัชนีความอยู่ดีมีสุขมวลรวมสูงขึ้นกว่าการถ่วง
น้ำห นักเท่าก ัน ทั้งนี้เป็นเพราะก ารถ ่วงน ้ำห นักด ังก ล่าวเป็นการถ ่วงน ้ำห นักจ ากก ารให้ป ระชาชนล ำดับค วามส ำคัญข อง
เหตุผลที่ก่อให้เกิดความสุขด้วยตนเอง ดังนั้นการกำหนดนโยบายเพิ่มความสุขของประชาชนควรคำนึงถึงความเห็น
ของประชาชนเป็นห ลัก
2.2 รายงานก ารศึกษาอิสระป ริญญาร ัฐประศาสนศ าสตรม หาบ ัณฑิต สาขาว ิชาการปกครองท้องถิ่น วิทยาลัย
การป กครองท ้องถ ิ่น มหาวิทยาลัยข อนแก่น เรื่อง การว ดั ร ะดบั ค วามส ขุ ข องป ระชาชนในเขตอ งคก์ ารบ รหิ ารส ว่ นต ำบล
กมลา อำเภอก ะทู้ จงั หวดั ภ ูเก็ต ของ แอนน า สำราญ (2550)
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1. สำรวจระดับความสุขของประชาชนในตำบลกมลา 2. เพื่อเป็น
แนวทางในการพัฒนาตำบลกมลาให้สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของประชาชน 3. เพื่อนำแนวทางใน
การปรับปรุงแผนพัฒนาตำบลให้ประชาชนได้มีความสุขอย่างแท้จริง โดยได้กำหนดองค์ประกอบดัชนีชี้วัดความสุข
ลิขสิทธข์ิ องมหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช