Page 50 - การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา
P. 50
12-40
แนวตอบกิจกรรมหนว่ ยที่ 12
การใชโ้ ปรแกรมสำ� เรจ็ รปู ในการวเิ คราะหข์ ้อมูล
ตอนที่ 12.1 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู เชงิ ปริมาณดว้ ยโปรแกรมสถิติขัน้ สงู
แนวตอบกจิ กรรม 12.1.1
1. โมเดลสมการโครงสร้างหรือ SEM หมายถึง การวิเคราะห์สถิติข้ันสูงที่ใช้การวิเคราะห์ความ
สัมพันธ์หรือความแปรปรวนร่วมระหว่างตัวแปร กระบวนการวิเคราะห์ต้องมีการสร้างโมเดลความสัมพันธ์
ระหว่างตัวแปรก่อน ตัวแปรในการวิจัยมีทั้งตัวแปรสังเกตได้และตัวแปรแฝง โดยที่ตัวแปรแฝงเป็นตัวแปร
ที่ไม่มีความคลาดเคล่ือนในการวัด ซึ่งวัดได้จากตัวบ่งชี้ท่ีเป็นตัวแปรสังเกตได้
SEM มีประโยชน์ในการวิเคราะห์สถิติข้ันสูง ท่ีโมเดลมีท้ังตัวแปรสังเกตได้และตัวแปรแฝง เช่น
การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน การวิเคราะห์เส้นทาง โมเดลโค้งพัฒนาการ โมเดลพหุระดับ โมเดลกลุ่ม
พหุ เป็นต้น โปรแกรมทางสถิติท่ีใช้การวิเคราะห์สมการโครงสร้าง ได้แก่ โปรแกรม LISREL โปรแกรม
AMOS และโปรแกรม Mplus เป็นต้น
2. เม่ือได้ผลการวิเคราะห์จากโปรแกรมประเภทสมการโครงสร้าง ผู้วิจัยต้องพิจารณาความ
กลมกลืนสอดคล้องของโมเดลการวิจัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นล�ำดับแรก หากสอดคล้องกันแล้ว ไม่ต้อง
ปรับโมเดล แต่หากไม่สอดคล้องกัน ผู้วิจัยต้องปรับโมเดล (model modification) เพ่ือให้โมเดลกลมกลืน
กับข้อมูลเชิงประจักษ์ (Model Fit)
การปรับโมเดลพิจารณาจากค่าดัชนีต่อไปน้ี คือ 1) สถิติ χ2 test ค่า χ2 ท่ีไม่มีนัยส�ำคัญ
จะแสดงว่าโมเดลการวิจัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์สอดคล้องกัน 2) กลุ่มดัชนีแสดงความสอดคล้องของโมเดล
ได้แก่ GFI, CFI NFI, NNFI ควรมีค่า 0.90 ขึ้นไป และ 3) กลุ่มดัชนีวัดความสอดคล้องในรูปความ
คลาดเคล่ือน ได้แก่ SRMR, RMSEA ควรมีค่าน้อยกว่า 0.05
แนวตอบกจิ กรรม 12.1.2
ความแตกต่างของโปรแกรมสมการโครงสร้างทั้ง 3 โปรแกรม คือ
โปรแกรม LISREL การน�ำเข้าข้อมูลเป็นแฟ้มโปรแกรมส�ำเร็จรูปประเภท .SAV ได้และค�ำส่ังของ
การวิเคราะห์ข้อมูล (syntax) ได้จากการด�ำเนินการ 3 ส่วน คือ 1) เมนู SETUP ท่ีเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับ
การระบจุ ำ� นวนกลมุ่ ตวั อยา่ ง ระบแุ หลง่ ขอ้ มลู ระบชุ อ่ื ตวั แปร และพมิ พช์ อื่ ตวั แปรแฝง 2) การเขยี นภาพโมเดล
และ 3) เมนู Output ท่ีระบุประเภทของผลลัพธ์ที่ต้องการ ส่วนการระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
