Page 53 - การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา
P. 53
12-43
2. ข้อตกลงเบ้ืองต้นของการวิเคราะห์เส้นทางมีดังน้ี
1) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรในโมเดลเปน็ ความสมั พนั ธเ์ ชงิ เสน้ ตรง มสี มบตั กิ ารบวก และ
เป็นความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ
2) ความคลาดเคลื่อนไม่มีความสัมพันธ์กับตัวแปร
3) ตัวแปรวัดได้โดยไม่มีความคลาดเคล่ือน
4) ตัวแปรวัดได้ในมาตราอันตรภาคข้ึนไป
5) ความสัมพันธ์ของตัวแปรในโมเดลเป็นความสัมพันธ์ทางเดียว ไม่ย้อนกลับ
แนวตอบกิจกรรม 12.3.2
1. การศึกษาทบทวนทฤษฎีและงานวิจัยที่เก่ียวข้องจึงเป็นขั้นตอนส�ำคัญท่ีสุดในการวิเคราะห์
เส้นทาง เพราะการได้มาซ่ึงตัวแปรต้นหรือตัวแปรเหตุที่คาดว่าจะมีผลต่อตัวแปรตาม ต้องมีแนวคิด ทฤษฎี
เอกสาร หรืองานวิจัยรองรับ จะท�ำให้สร้างโมเดลอิทธิพลเชิงสาเหตุของการวิจัยที่ถูกต้องเหมาะสม และยัง
ท�ำให้ทราบว่าตัวแปรเหล่านั้นประกอบด้วยตัวบ่งชี้ใดบ้าง ควรสร้างหรือใช้เคร่ืองมือใดวัดตัวแปรเหล่าน้ัน
2. การน�ำเสนอรายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผลในตารางท่ี 12.1
ตารางที่ 12.1 ขนาดอิทธิพลของปัจจยั ที่มีตอ่ ประสิทธผิ ลของสถานศึกษา (EFFECTIVENESS)
ตวั แปร อทิ ธพิ ลทางตรง อทิ ธพิ ลทางออ้ ม อทิ ธิพลรวม
ความร่วมใจของบุคลากร (PERSON) 0.532 0.210 0.742
กลยุทธ์การบริหาร (STRA) 0.326 0.326
หมายเหตุ **p < .01
จากตารางท่ี 12.1 ผลการพัฒนาโมเดลเชิงสาเหตุของปัจจัยท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา
พบว่า ความร่วมใจของบุคลากร (PERSON) เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษามากที่สุด
มีขนาดอิทธิพล 0.532 รองลงมาคือ กลยุทธ์การบริหาร (STRA) มีขนาดอิทธิพล 0.326 นอกจากน้ัน
ความสามารถในการแข่งขันได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากความพร้อม มีขนาดอิทธิพล 0.210 ซึ่งค่าอิทธิพล
ทุกค่ามีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ .01