Page 25 - โลกทัศน์ไทย
P. 25

ศาสนาครสิ ตใ์ นสังคมไทย 9-15
       สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเห็นด้วยกับแนวความคิดบางอย่างของลูเทอร์ แต่ความไม่เข้าใจบาง
ประการในการติดต่อสื่อสาร ท�ำให้ลูเทอร์ปฏิเสธค�ำส่ังของสมเด็จพระสันตะปาปา รวมทั้งเอาค�ำส่ังนั้นไป
เผาทง้ิ ในทีช่ ุมชน
       ดังนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาจึงทรงประกาศบัพพาชนียกรรม (excommunication) ในเดือน
กรกฎาคม ค.ศ. 1521 ลูเทอรจ์ ึงเดินทางไปขออาศยั อยกู่ ับพระเจา้ เฟรดเดอรคิ ผูค้ รองแควน้ แซกโซนี และ
ได้เขยี นงานที่มีช่ือเสยี ง 2 ชิน้ คอื เสรีภาพของครสิ ตชน (The Liberty of a Christian Man) และเรียน
ขุนนางครสิ ตชนแห่งชาตเิ ยอรมนั (To the Christian Novility of the German Nation) และยังได้
แปลพระคมั ภรี ์จากภาษากรกี เป็นภาษาเยอรมันอกี ด้วย (ในสมัยนน้ั พระคมั ภรี เ์ ป็นหนังสอื ต้องห้าม)
       งานท้ัง 2 ช้ินของลูเทอร์ได้เสนอความเห็นเก่ียวกับการได้รับความรอดของวิญญาณที่มาจาก
ความเชื่อในพระเจา้ กล่าวคือ มนุษย์ไมใ่ ช่ไดร้ ับความรอดเพราะการพยายามท�ำความดีเท่านัน้ ความรอด
เปน็ พระพรทม่ี าจากความเชอื่ ของแตล่ ะคน และเขาเสนอวา่ ครสิ ตชนทกุ คนมฐี านะเปน็ พระสงฆเ์ ทา่ กนั หมด
(Priesthood of all believers) ความตา่ งเกดิ จากหนา้ ทตี่ ามความจำ� เปน็ ของสงั คม ไมใ่ ชเ่ พราะความใกลช้ ดิ
พระเจ้า ผลท่ีติดตามมาคือทุกคนมีสิทธิ์วิจารณ์เรื่องในคริสตจักร ทุกคนมีสิทธ์ิตีความพระคัมภีร์ได้และ
คริสตชนมสี ิทธเิ รียกประชุมพิจารณาเร่อื งราวตา่ งๆ รวมถึงการกระทำ� ของสมเด็จพระสนั ตะปาปาด้วย
       ความคิดในหนงั สือทงั้ 2 เลม่ ได้รับการต่อต้านอยา่ งแรงจากครสิ ตจักรที่กรุงโรม ในขณะทก่ี ระแส
ปฏิรปู ศาสนาไดแ้ ผก่ ระจายไปพรอ้ มดว้ ยการแทรกแซงทางการเมอื ง ในขณะนั้นความคดิ ของลูเทอร์ได้รับ
การตอบสนองอยา่ งกวา้ งขวาง แตก่ ารปฏริ ปู ศาสนากลบั ลม้ เหลวในการสรา้ งเอกภาพเพราะกลมุ่ ผคู้ ดั คา้ น
ได้แตกแยกออกเป็นกลุ่มย่อยต่างๆ มากมาย สาเหตุก็เพราะการตีความพระคัมภีร์ไบเบิลแตกต่างกัน
กล่มุ ทัง้ หมดนม้ี ีชอ่ื เรยี กรวมๆ วา่ นิกายโปรเตสแตนต์
       ในบางยคุ ศาสนาครสิ ตท์ งั้ 2 นกิ ายไดม้ กี ารปะทะกนั ดา้ นความคดิ จนกระทง่ั เกดิ ปะทะดว้ ยกำ� ลงั
และกลายเปน็ สงครามศาสนาขนาดใหญก่ ม็ ี แตป่ จั จบุ นั ผนู้ ำ� ของนกิ ายทง้ั สองพยายามเนน้ ความรว่ มมอื กนั
เพือ่ ที่จะกอ่ ให้เกดิ สันติภาพ และการอยูอ่ ย่างมีความสขุ ของคริสตชนรวมไปถงึ ศาสนิกชนอืน่ ๆ ดว้ ย
       ความเปล่ียนแปลงตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนตอ่ ครสิ ตจกั รท�ำให้บคุ คลภายในครสิ ตจกั รเองเริม่ ปฏิรูปตวั เอง
จากภายในองค์กร เชน่ มกี ารรวบรวมค�ำสอนตา่ งๆ การกำ� หนดท่าทตี ่อเหตุการณ์หรือความเปลี่ยนแปลง
ตา่ งๆ ท่ีเกิดขึ้นแลว้ และทกี่ �ำลงั จะเกดิ ขึ้น การปฏริ ูปนี้เรยี กว่าการสังคายนา ซึ่งมี 2 แบบ โดยแบง่ ตาม
ขอบเขตของการประชมุ กล่าวคอื ถ้าเป็นระดบั ภมู ภิ าค เรยี กว่า สภาสังคายนา เช่น สภาสังคายนาเตรนท์
(Trent-ช่ือเมืองท่จี ดั การประชุมระหว่าง ค.ศ. 1545-1563) เพื่อตอ่ ต้านการปฏิรปู ศาสนาโดยตรง และถ้า
หากเปน็ ระดบั โลก เรยี กสภาสังคายนาสากล เชน่ สภาสงั คายนาสากลวาตกิ นั ครง้ั ที่ 1 (ค.ศ. 1869-1870)
และครัง้ ที่ 2 (ค.ศ. 1962-1965)
       อาจกล่าวได้ว่า การปฏิรูปตนเองของคริสตจักรเป็นการปรับตัวเพื่อเผชิญกับการท้าทายของ
วทิ ยาศาสตรแ์ ละปญั หาตา่ งๆ อนั เกดิ จากการถดถอยของพลงั ศาสนา เราจะเหน็ ครสิ ตจกั รเปลยี่ นแปลงจาก
การเป็นสถาบันศักด์ิสิทธิ์ที่แยกตัวออกจากโลก กลายเป็นสถาบันท่ีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับโลก โดย
เฉพาะผลจากการสังคายนาของสภาสงั คายนาสากลวาตกิ ัน ครงั้ ท่ี 2 (ซง่ึ จะกล่าวถงึ ขา้ งหน้า)
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30