Page 22 - โลกทัศน์ไทย
P. 22

9-12 โลกทศั นไ์ ทย
       ตอ่ มาในสมยั ของพนั ธสญั ญาใหม่ พระเยซคู รสิ ตต์ รสั ถงึ พระจติ ในฐานะของพระบคุ คลทแี่ ยกตา่ งหาก

จากพระบดิ า เช่น ภายหลังการเลี้ยงอาหารค�่ำมอ้ื สดุ ท้าย พระเยซคู ริสตต์ รัสแกเ่ หล่าสาวกวา่ “เราจะทลู
ขอพระบดิ าและพระองคจ์ ะประทานผชู้ ว่ ยเหลอื อกี ผหู้ นงึ่ ใหแ้ กท่ า่ นเพอ่ื จะไดอ้ ยกู่ บั ทา่ นตลอดไป คอื พระจติ
แห่งความจริง” และได้ทรงอธิบายต่อไปอีกว่า “เมื่อพระจิตเสด็จมาแล้วพระองค์จะทรงท�ำให้โลกรู้แจ้งใน
เรอ่ื งความผดิ ความชอบธรรม และการพพิ ากษาในเรอ่ื งความผดิ นน้ั ” และอกี ครงั้ หนงึ่ ทพี่ ระเยซคู รสิ ตต์ รสั
ถงึ พระจติ ในฐานะของอกี พระบคุ คลหนงึ่ อยา่ งชดั เจนคอื ภายหลงั จากการกลบั คนื พระชมนช์ พี ของพระองค์

       พระจิตทรงเป็น “พระผู้ช่วย” (The Counselor) ซ่ึงในภาษากรีกหมายถึง บุคคลท่ีเป็นผู้ช่วย
หรอื ผกู้ ลา่ วแทนในกระบวนการทางกฎหมาย (ปจั จบุ นั คอื ทนาย) เมอื่ เหลา่ สาวกไดร้ บั พระจติ แลว้ พระเยซคู รสิ ต์
ตรัสสั่งไวว้ า่ “เหตุฉะนนั้ เจา้ ทง้ั หลายจงออกไปเทศน์สอนชนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของเรา ใหพ้ วกเขารบั
ศลี ล้างบาป (หรอื เรียกบัพติสมา) ในพระนามแห่งพระบดิ า พระบตุ รและพระจิต จงสอนเขาใหถ้ อื รกั ษาสิง่
สารพัด ซ่งึ เราไดส้ ั่งพวกเจา้ ไว้ นีแ่ หละเราจะอยู่กับพวกเจา้ ทัง้ หลายเสมอไปจนกว่าจะส้ินสดุ ”

       เหลา่ อคั รสาวกไดอ้ อกประกาศขา่ วแห่งความรอดของพระคริสต์ (ตอ่ มาเรยี กวา่ ศานาคริสต)์ ให้
คนทงั้ หลายกลบั ใจและรบั ศลี ลา้ งบาป จนสามารถกอ่ ตง้ั เปน็ ครสิ ตจกั รยคุ แรก จงึ อาจกลา่ วไดว้ า่ ครสิ ตจกั ร
ยุคแรกเป็นการท�ำงานของพระจิตโดยผ่านเหล่าอัครสาวก จึงมีคนบางคนเรียกหนังสือกิจการอัครสาวก
ซึ่งเป็นบันทึกเล่มหน่ึงในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่อันเป็นการท�ำงานของอัครสาวกในคริสตจักร
ยคุ แรกวา่ พระวรสารของพระจติ (The Gospel of The Holy Spirit) และในสมยั ตอ่ มาครสิ ตจกั รไดป้ ระกาศวา่
พระจิตทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและให้ก�ำเนิดแก่คริสตจักร และสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงสอน และทรงได้
รับเพื่อการไถ่กู้มนุษยชาตินั้น จะต้องถูกประกาศและแผ่กระจายออกไป (จากกรุงเยรูซาเล็ม) จนส้ินสุด
แผน่ ดนิ โลก พระจติ ทรงดำ� เนนิ งานไถก่ มู้ นษุ ยต์ อ่ จากพระเยซคู รสิ ตภ์ ายในครสิ ตจกั ร และทรงเปน็ ผผู้ ลกั ดนั
ใหค้ รสิ ตจกั รแผ่ขยายออกไปอยา่ งเหมาะสม

       จากทกี่ ลา่ วมานี้ นกั บญุ เกรกอรี แหง่ นาซอิ นั ซสุ จงึ ไดเ้ ขยี นไดว้ า่ “พระบดิ าทรงเผยแสดงพระองค์
(ใหม้ นษุ ยไ์ ดร้ จู้ กั ) ในพนั ธสญั ญาเดมิ พระบตุ รทรงเผยแสดงพระองคใ์ นการอวตารเปน็ มนษุ ย์ (incarnation)*
และพระจิตทรงเผยแสดงพระองค์ในคริสตจักร”

       นอกจากนคี้ รสิ ตชนไดร้ บั พระจติ โดยผา่ นพธิ รี บั ศลี ลา้ งบาป พระจติ จะประทานพระหรรษทาน (grace)
ความศรทั ธา ความรกั และพระพรอนื่ ๆ แกค่ รสิ ตชน พระจติ จะนำ� ทางการใชช้ วี ติ ใหค้ รสิ ตชนมชี วี ติ ทศ่ี กั ดสิ์ ทิ ธ์ิ
คือประพฤติตามค�ำสอนของพระเยซูคริสต์เพราะพระองค์ทรงส่ังว่า “ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะประพฤติตาม
บญั ญตั ขิ องเรา และพระบดิ าจะทรงรักเขา แลว้ พระองคก์ บั เราจะมาหาเขาและอยู่กบั เขา”

4. 	 พระตรีเอกภาพ (The Holy Trinity)

       พระตรีเอกภาพเป็นข้อความเชื่อ (dogma) ซ่ึงคริสตจักรประกาศอย่างชัดเจนว่าคริสตชนทุกคน
ต้องยอมรับ (ยกเว้นนิกายโปรเตสแตนต์บางคณะมีความเช่ือเร่ืองน้ีต่างกันออกไป) และจากข้อความเช่ือ
ซง่ึ เป็นรากฐานนคี้ �ำสอนอ่ืนๆ ทีส่ ำ� คญั ของศาสนาคริสตจ์ ะถูกโดยอ้างถงึ ขอ้ ความเชือ่ นี้

         * อาจลองนึกเปรียบเทียบกับการอวตารของพระนารายณ์เป็นพระรามและพระลักษณ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ท่ีเราคุ้นเคยอยู่
แล้วก็ได้
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27