Page 39 - เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม เทคโนโลยี และความจำเริญทางเศรษฐกิจ
P. 39

แนวคดิ ทฤษฎที เ่ี กย่ี วข้องกับความจ�ำ เริญทางเศรษฐกจิ I 2-27

เร่ืองท่ี 2.2.1
แนวคิดของความจ�ำเริญทางเศรษฐกิจยุคคลาสสิก

       แนวคิดทางทฤษฎีความจ�ำเริญทางเศรษฐกิจมมี านานแล้ว โดยในครสิ ต์ศตวรรษที่ 16 มีแนวคิด
ของสำ� นกั พาณชิ ยน์ ยิ ม (Mercantilism) ทเี่ ชอ่ื วา่ ประเทศจะรำ่� รวยกจ็ ะตอ้ งมดี ลุ การคา้ เกนิ ดลุ ซงึ่ จะทำ� ให้
มีทองค�ำและโลหะมีค่าไหลเขา้ ประเทศมากขน้ึ ประเทศตา่ งๆ จงึ พยายามหาทางสง่ สินค้าไปจำ� หนา่ ยต่าง
ประเทศให้มากแตน่ �ำเข้าสนิ คา้ จากตา่ งประเทศให้น้อย ด้วยการใช้มาตรการกีดกันการค้าในรปู แบบต่างๆ
และวิธีการหน่ึงที่จะส่งสินค้าไปจ�ำหน่ายต่างประเทศได้มากคือลดต้นทุนการผลิต ท�ำให้ราคาสินค้าถูกลง
ซ่ึงจะท�ำให้มีผู้ซื้อมากขึ้น แนวคิดพาณิชย์นิยมจึงสนับสนุนให้ประเทศมีประชากรและก�ำลังแรงงานมาก
เพื่อท�ำให้ค่าแรงงานอยู่ในระดับต�่ำจะได้แข่งขันกับตลาดโลกได้ จึงอาจกล่าวได้ว่ากลุ่มพาณิชย์นิยมเน้น
ความม่ังคงั่ และอ�ำนาจของประเทศมากกวา่ การกนิ ดอี ยดู่ ขี องแรงงาน

       ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก็มีกลุ่มคัดค้านแนวคิดพาณิชย์นิยมคือ กลุ่มฟิซิโอแคร็ตส์
(Physiocrats) และกลมุ่ ทฤษฎคี ลาสสกิ (Classical Theory) โดยเหน็ วา่ การแทรกแซงของรฐั บาลในการผลติ
และการคา้ นน้ั เปน็ ผลเสยี ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ ตลอดจนมกี ารผกู ขาดอกี ดว้ ย นกั เศรษฐศาสตร์
สำ� นกั คลาสสกิ เชน่ อดมั สมธิ (Adum Smit) โทมสั อาร์ มลั ทสั (Thomas R. Mathus) เดวดิ รคิ ารโ์ ด
(David Ricardo) และจอหน์ สจว๊ ต มลิ ล์ (John Stuart Mill) ได้สร้างทฤษฎขี ึ้นมาอธบิ ายกลไกการ
ขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ของประเทศในทวปี ยโุ รป ตงั้ แตป่ ลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 18 ถงึ ตน้ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19
ซึ่งส่ิงแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีลักษณะแตกต่างกับประเทศก�ำลังพัฒนาอยู่บ้าง แต่กลไกการท�ำงานของ
ตัวประกอบทางเศรษฐกิจอาจน�ำมาประยุกต์ใช้กับประเทศก�ำลังพัฒนาได้ ทฤษฎีดังกล่าวจึงอาจเป็น
ประโยชน์ต่อประเทศกำ� ลังพัฒนาในปัจจุบนั ไดบ้ า้ ง

       นักเศรษฐศาสตร์ส�ำนักคลาสสิกมีความเห็นว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ใช้ระบบ
เศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม (Capitalism) เปน็ สง่ิ ทเี่ กดิ จากการแขง่ ขนั ระหวา่ งอตั ราความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาการ
(Technological Progress) กบั อัตราการเพม่ิ ของประชากร ความกา้ วหนา้ ทางวิทยาการขน้ึ อย่กู บั อตั รา
การสะสมทนุ และนกั เศรษฐศาสตรก์ ล่มุ คลาสสกิ ยงั ชใี้ ห้เห็นวา่ ตัวจักรสำ� คญั ทีก่ อ่ ใหเ้ กิดความเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกจิ คอื การสะสมทุน และภาวการณท์ ี่เออื้ อำ� นวยตอ่ การเจรญิ เติบโตคอื การแข่งขัน

       ทฤษฎีของสำ� นักคลาสสกิ มีขอ้ สมมตทิ ่ีส�ำคญั 4 ประการ คือ
       1. 	จำ� นวนประชากรจะเปลย่ี นแปลงไปตามระดบั คา่ จา้ ง ตราบใดทค่ี า่ จา้ งยงั สงู กวา่ ระดบั พอยงั ชพี
(Subsistance Level) จ�ำนวนประชากรจะเพิม่ ขน้ึ
       2. 	การผลิตอาหารเป็นไปตามกฎการลดน้อยถอยลงของผลิตผล (Law of Diminishing
Marginal Productivity) กล่าวคือ เม่ือประชากรเพ่ิมขึ้นและมีการใช้แรงงานและทุนเพิ่มข้ึนในที่ดินท่ีมี
ปรมิ าณจ�ำกัดผลติ ภาพหน่วยสดุ ท้ายของทุนและแรงงานจะลดลง
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44