Page 21 - เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม เทคโนโลยี และความจำเริญทางเศรษฐกิจ
P. 21
แนวคิดทฤษฎที เี่ กีย่ วขอ้ งกับความจำ�เรญิ ทางเศรษฐกิจ II 3-11
ลักษณะโครงสร้างการผลิตและการพัฒนาเศรษฐกิจ
1. ภาคการเกษตร (Agricultural Sector) ภาคการเกษตรเป็นภาคใหญ่และสำ� คญั ท่สี ดุ เพราะ
เปน็ รากฐานสำ� หรบั การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ทมี่ น่ั คง ภาคการเกษตรทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ภาคทผี่ ลติ แรงงานและ
สว่ นเกิน (หรือเงินออม) ทจี่ ะไปใช้ในการทำ� ให้กลไกการขยายตัวทางเศรษฐกจิ ท�ำงาน สว่ นเกนิ ในทีน่ ค้ี ือ
ส่วนท่ีเหลืออยู่หลังจากได้มีการใช้เพื่อบริโภคในครัวเรือนแล้ว ซ่ึงจะมีปริมาณมากหรือน้อยแค่ไหนข้ึนอยู่
กบั ความสามารถในการผลติ ของคนงาน ทดี่ นิ และขนาดของการเพมิ่ ของประชากรในชนบท สว่ นเกนิ จาก
ภาคการเกษตรเปน็ ผลผลิตประเภทอาหารและวตั ถุดิบ ซ่งึ จะน�ำมาใช้เปน็ ทุนใชง้ าน (Circulating Capi-
tal) หรือนกั เศรษฐศาสตร์สำ� นักคลาสสกิ เรียกว่า “กองทนุ ส�ำหรับใช้เป็นค่าจา้ ง” (Weges Fund)
ปัญหาในประเทศก�ำลังพัฒนาคือ ปัญหาการเพิ่มของประชากรในอัตราสูงและปัญหาการท�ำงาน
ไม่เตม็ ท่ีซงึ่ ปรากฏอย่โู ดยทว่ั ไป อตั ราการเพ่ิมของประชากรสูงเปน็ เหตุให้อตั ราส่วนที่ดนิ ตอ่ แรงงานลดลง
และอยใู่ นภาวะทขี่ าดความกา้ วหนา้ ในดา้ นการผลติ แรงงานทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ทำ� ใหผ้ ลติ ผลเพม่ิ ในอตั ราสว่ นทล่ี ดลง
(Diminishing Returns) ส่วนผลิตภาพหน่วยสุดท้ายของแรงงาน (Marginal Product of Labour)
จะลดลงอย่างรวดเร็ว
โดยทที่ ด่ี นิ ในประเทศตา่ งๆ รวมทงั้ ประเทศกำ� ลงั พฒั นามอี ยอู่ ยา่ งจำ� กดั เมอื่ คนงานในภาคเกษตร
เพม่ิ สงู ขนึ้ ผลติ ภาพหนว่ ยสดุ ทา้ ยจากการใชแ้ รงงานในภาคเกษตรจะลดลงเรอ่ื ยๆ จนกระทง่ั ถงึ จดุ ทคี่ นลน้
งานคอื แรงงานสว่ นเกนิ ผลิตภาพหนว่ ยสดุ ทา้ ยจะมคี า่ เท่ากบั ศนู ย์
2. ภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing Sector) เป็นภาคการผลิตขนาดเล็กที่ก�ำลังขยายตัว
ปัจจัยการผลิตที่สำ� คัญในภาคอตุ สาหกรรม ไดแ้ ก่ ทนุ และแรงงาน บทบาทของภาคอุตสาหกรรม คือ การ
ก่อให้เกิดต�ำแหน่งงานและโอกาสในการประกอบอาชีพส�ำหรับคนว่างงานท่ีมาจากภาคการเกษตร และมี
ผลทำ� ใหอ้ ตุ สาหกรรมขยายตวั
โดยทภ่ี าคอตุ สาหกรรมเปน็ ภาคการผลติ ใหม่ เพราะฉะนน้ั การลงทนุ กเ็ พอ่ื ตอ้ งการกำ� ไรสงู สดุ โดย
นายจา้ งจะวา่ จา้ งคนงานเขา้ ทำ� งานจนกระทง่ั ผลติ ภาพหนว่ ยสดุ ทา้ ยของคนงานคนสดุ ทา้ ยเทา่ กบั อตั ราคา่ จา้ ง
กระบวนการพฒั นาของเรนสิ และเฟย์ คอื การมสี ว่ นเกนิ และการลงทนุ ในภาคอตุ สาหกรรมจะทำ� ให้
นายทุนเพ่ิมหรือขยายการลงทุนออกไปเรื่อยๆ และมีการดึงเอาแรงงานจากภาคการเกษตรเข้ามาท�ำงาน
ในภาคอตุ สาหกรรมมากขึน้ เช่นเดียวกนั จนกระทัง่ ในทส่ี ดุ แรงงานสว่ นเกินจะหมดไป และอัตราค่าจา้ งจะ
มแี นวโนม้ ทส่ี งู ขน้ึ และคนงานทอ่ี ยใู่ นภาคการเกษตรกจ็ ะไดค้ า่ จา้ งสงู ขนึ้ ไปดว้ ยเปน็ การพน้ สภาวะของการ
ดอ้ ยพฒั นา การขยายตวั ของภาคอตุ สาหกรรมจะเกดิ ขน้ึ ในอตั ราสงู กวา่ นกี้ ไ็ ด้ ถา้ มกี ารใชว้ ธิ กี ารผลติ ใหมๆ่
หรอื คน้ พบนวตั กรรมใหมๆ่ ขน้ึ ดว้ ยตนเอง ทำ� ใหผ้ ลติ ภาพหนว่ ยสดุ ทา้ ยของคนงานจะเพม่ิ ขนึ้ รวดเรว็ กวา่ น้ี
ทฤษฎขี องเรนสิ และเฟยม์ คี วามคลา้ ยกบั ทฤษฎขี องลวู สิ แตท่ ฤษฎขี องเรนสิ และเฟยเ์ ขยี นขนึ้ ภายใต้
ขอ้ สมมตทิ ใ่ี หร้ ะบบเศรษฐกจิ ในประเทศก�ำลงั พฒั นาเปน็ ระบบเศรษฐกจิ แบบปดิ ไมม่ กี ารคา้ กบั ตา่ งประเทศ
แตต่ ามขอ้ เทจ็ จรงิ แลว้ ประเทศกำ� ลงั พฒั นายงั มกี ารตดิ ตอ่ คา้ ขายกบั ตา่ งประเทศอยู่ การคา้ กบั ตา่ งประเทศ
ทำ� ใหเ้ กดิ ผลทอ่ี าจแตกตา่ งกบั ทฤษฎี เชน่ การนำ� เขา้ สนิ คา้ เกษตรทำ� ใหร้ าคาสนิ คา้ เกษตรในประเทศลดลง
ซ่ึงตรงข้ามกับทฤษฎีที่ว่าถ้าประเทศขาดแคลนสินค้าเกษตร ราคาสินค้าเกษตรจะสูงขึ้น แต่การที่ไม่สูง
เพราะได้น�ำเข้าสินค้าเกษตรมาจากต่างประเทศ และการท่ีราคาสินค้าเกษตรสูงข้ึนผลประโยชน์จะตกอยู่

