Page 53 - การผลิตภาพยนตร์เบื้องต้น
P. 53
การตดั ตอ่ ภาพและเสยี งภาพยนตร์ 12-43
ตดั กลบั ไปทฉี่ ากทหี่ นง่ึ ตอ่ ไป การตดั ตอ่ ไขวเ่ หตกุ ารณไ์ ปมาในรปู แบบคขู่ นาน ทำ� ใหผ้ ชู้ มเหน็ และรบั รสู้ อง
เหตุการณ์ที่เก่ียวข้องกัน ผู้ชมได้ดูเพ่ือเปรียบเทียบสองเหตุการณ์ หรือดูสองเหตุการณ์ท่ีมีส่วนเชื่อมโยง
เร่ืองเล่าไปพรอ้ มกัน
4. การตัดต่อภาพยนตร์แบบตัดสลับ (cross cutting) คอื การตดั ตอ่ ภาพยนตรเ์ พอ่ื มงุ่ เนน้ ผชู้ ม
ใหล้ นุ้ หรอื กระตนุ้ ใหผ้ ชู้ มตนื่ เตน้ ไปกบั การตดิ ตามเหตกุ ารณส์ ำ� คญั มากกวา่ หนงึ่ ฉากทมี่ คี วามเกย่ี วขอ้ งกนั
ระหวา่ งฉาก การตดั ตอ่ แบบตดั สลบั จะนำ� ผชู้ มไปสกู่ ารเลา่ เรอ่ื งภายใตฉ้ ากเหตกุ ารณม์ ากกวา่ หนงึ่ ฉากคลา้ ย
กับการตัดต่อแบบคู่ขนาน แต่การตัดต่อแบบตัดสลับจะเน้นจังหวะที่ขย้ีความรู้สึกผู้ชม ช็อตภาพของ
การตัดสลับระหว่างสองช็อตตัดสลับ เป็นสองช็อตที่มาจากสองเหตุการณ์ เพื่อส่ือว่ามีความขัดแย้งของ
สองเหตกุ ารณท์ ก่ี ำ� ลังจะเกยี่ วข้องกัน ผู้ทำ� หน้าที่ตดั ตอ่ แบบตดั สลบั จะรจู้ ังหวะการตดั สลับโดยใชช้ ็อตตัด
สน้ั สลบั ไปมาระหวา่ งสองหรอื มากกวา่ สองเหตกุ ารณ์ การตดั ตอ่ รปู แบบนส้ี ง่ ผลดตี อ่ การเลา่ เรอ่ื งในชว่ งทม่ี ี
ความขดั แยง้ ในลกั ษณะของชว่ งวกิ ฤต และเกยี่ วขอ้ งกบั ตวั ละครหลกั ของเรอ่ื งโดยตรง สง่ พลงั การเลา่ เรอื่ ง
ให้เกิดภาวะลนุ้ ตอ้ งตดิ ตามดูอยา่ งพลาดไม่ไดข้ องผู้ชม
5. การตดั ต่อภาพยนตรแ์ บบไดนามิก (dynamic cutting) คอื การตดั ตอ่ ภาพยนตรอ์ ยา่ งรวดเรว็
เพ่ือเปล่ียนเวลาและสถานท่ีการเล่าเรื่องจากฉากหนึ่งไปสู่อีกฉากหน่ึง ท�ำให้การเล่าเรื่องในภาพยนตร์มี
ความรวดเร็ว ดึงอารมณ์ผู้ชมไปกับการเล่าเรื่องที่ส่งต่อเหตุการณ์ฉากต่อฉาก การตัดต่อรูปแบบนี้อาจ
กำ� หนดผา่ นบทภาพยนตรท์ เี่ จาะจงเลา่ เรอื่ งขา้ มฉากแบบไดนามกิ ทำ� ใหก้ ารตดั ตอ่ ไดนามกิ เปน็ ไปตามบท
หรอื ผทู้ ำ� หนา้ ทตี่ ดั ตอ่ เลอื กทจี่ ะตดั ตอ่ แบบไดนามกิ สง่ เรอ่ื งเปลยี่ นฉากใหร้ วดเรว็ เขา้ กบั อารมณก์ ารเลา่ เรอื่ ง
ภาพยนตร์ ลักษณะเด่นของการตัดต่อแบบไดนามิกจะท้ิงท้ายฉากด้วยค�ำพูดของตัวละครในฉากเพ่ือ
ส่งการตัดต่อไปยังอีกฉากที่เก่ียวเน่ืองกับค�ำพูดท้ายฉากก่อนหน้า ในหลักของการตัดต่อภาพยนตร์ จะ
เลอื กใชก้ ารตดั ตอ่ แบบไดนามกิ กบั ชว่ งสำ� คญั ทเี่ หมาะสมกบั การเลา่ เรอื่ ง และตอ้ งการเลา่ เรอื่ งอยา่ งรวดเรว็
ไปพร้อมกับปมขัดแย้งที่ส�ำคัญของเรื่อง ไม่ควรใช้การตัดต่อแบบไดนามิกต่อเนื่องหลายๆ ฉากติดต่อกัน
ผูช้ มจะรู้สึกไดถ้ ึงการเล่าเรือ่ งทเี่ รว็ กระโดดมากเกินไป
6. การตัดต่อภาพยนตร์แบบมองทาจ (montage) คอื การตดั ตอ่ ที่เน้นการล�ำดับภาพดว้ ยช็อต
ภาพไม่ต่อเนื่อง เพ่ือให้เกิดชุดหรือกลุ่มช็อตภาพที่ตัดต่อด้วยมองทาจแต่สามารถสื่อสารภายใต้กลุ่มภาพ
ไม่ต่อเน่ืองได้ เพราะมีการออกแบบวางแผนเพ่ือน�ำภาพไม่ต่อเน่ืองมารวมเข้าด้วยกันในลักษณะของ
การส่ือความหมายท่ีสาม คือ การประกอบชุดภาพที่ผู้ชมสามารถตีความและมีจินตนาการต่อยอดเข้าใจ
ความหมายของช็อตภาพไม่ต่อเนื่อง นอกจากน้ีแล้วการตัดต่อแบบมองทาจเป็นการวางแผนเพ่ือน�ำช็อต
ภาพที่แสดงความขัดแย้งมาตัดต่อเข้าด้วยกัน เพ่ือกระตุ้นความคิดและความรู้สึกของผู้ชม ท�ำให้ผู้ชมเข้า
ถึงความขัดแย้งผ่านช็อตภาพที่ก�ำหนดการถ่ายท�ำและน�ำมาสู่การตัดต่อแบบมองทาจตามมา การตัดต่อ
แบบมองทาจจึงเป็นการสร้างสรรค์ศิลปะภาพยนตร์ผ่านการออกแบบช็อตและน�ำช็อตภาพยนตร์ท่ีไม่เน้น
ความตอ่ เนอ่ื ง นำ� มาการตดั ตอ่ เขา้ ดว้ ยกนั สง่ ผลใหผ้ ชู้ มตดิ ตามชมภาพยนตรผ์ า่ นการตดั ตอ่ แบบมองทาจ
และสามารถตคี วามหมายแฝงนยั มีความเข้าใจเจตนาการเลา่ เร่อื งผ่านการตดั ตอ่ แบบมองทาจ ท�ำใหก้ าร
ตดั ตอ่ แบบมองทาจทำ� หนา้ ทสี่ อ่ื อารมณไ์ ปพรอ้ มการเลา่ เรอื่ งผา่ นผชู้ ม โดยมผี ทู้ ำ� หนา้ ทต่ี ดั ตอ่ กำ� หนดจงั หวะ
การตดั ต่อแบบมองทาจใหส้ อดคล้องกบั การสื่ออารมณ์ภาพยนตร์