Page 108 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 108
3-54 การส ่งเสริมสุขภาพและก ารป้องกันโรค
เป็นหลัก เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของประชาชนพ บว่า ยังไม่เข้าใจและขาดความเชื่อมั่นต่อระบบบ ริการสาธารณสุข
ปฐมภ ูมิ ซึ่งเห็นชัดเจนจ ากสัดส่วนการใช้บริการท ี่สถานีอ นามัยและโรงพยาบาลช ุมชนมีแ นวโน้มลดลง
5) ศักยภาพข องบ ุคลากรย ังม ีจ ำกัดในก ารจ ัดการก ับป ัญหาส ุขภาพท ี่เปลี่ยนแปลงไป มีค วามซ ับซ ้อนม ากข ึ้น
และต้องการค วามร ่วมมือจากภ าคส ่วนอื่นและช ุมชน
ดังนั้นร ะบบบริการสุขภาพท่ีดีจึงควรมีลักษณะ 3 ประการคือ มีความเป็นธรรมหรือเสอภาค (Equity) มี
คุณภาพ (Quality) และมีป ระสิทธิภาพ (Effectiveness) โดยมีความเป็นธ รรมน ั้น มีความหมายเดียวก ับเสมอภ าค
กันน ั้น ความเป็นธ รรมในร ะบบร ิก ารส ุขภาพย ่อม หมายถ ึง ระบบท ี่ป ระชาชนท ุกฐ านะท างเศรษฐกิจแ ละส ังคมม ีโอกาส
เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เป็นบริการที่มีคุณภาพซึ่งมีความ
ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางด้านการรักษาพยาบาล โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมีน้ำใจ ความสุจริตใจ และความ
ถูกต้องได้มาตรฐานทางวิชาการ เป็นที่วางใจและเชื่อใจ อันทำให้เกิดความไว้วางใจและความสบายใจของประชาชน
ไม่ให้เกิดความก ังวลหรือความห วาดว ิตกว ่า จะได้รับบริการที่ไม่มีคุณภาพ ส่วนประสิทธิภาพ หมายถ ึง ระบบบริการที่
ให้ผ ลค ุ้มค ่า (พรเทพ ศิริว นาร ังสรรค์ และเยาวเรศว ์ แจ้งก ิจ 2546) จึงค วรม ีค วามพ ยายามในก ารป รับปรุงร ะบบบ ริการ
สุขภาพโดยม ีป ระเด็นที่ค วรพิจารณา ดังนี้
(1) ความเป็นธรรมด้านสุขภาพ การจัดสรรทรัพยากรของภาครัฐให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม (Equity)
โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างความไม่เท่าเทียมกันด้านสุขภาพ (Health Inequality) ของประชาชนผู้ด้อยโอกาสที่เกิด
มามีน้อย รัฐจำเป็นจะต้องดูแลให้มากกว่าคนกลุ่มอื่น ดังนั้น ควรลดความเหลื่อมล้ำระหว่างระบบบริการสุขภาพ
โดยเฉพาะอย่างย ิ่งค วามแตกต ่างข องสิทธิป ระโยชน์ การส นับสนุนงบป ระมาณข องร ัฐบาลตลอดจนร ูปแบบแ ละอ ัตรา
การจ่ายเงินของระบบประกันสุขภาพต่อสถานพยาบาล ความแตกต่างดังกล่าว จะนำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำในการเข้า
ถึงบริการและแรงจูงใจของผู้ให้บริการ เพิ่มความเป็นธรรมในการกระจายทรัพยากรสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การกร ะจ ายบ ุคลากร ส่วนค วามเป็นธ รรมในก ารใหบ้ ริการด ้านส ุขภาพน ั้น ควรจ ัดบ ริการส าธารณสุขม ูลฐาน และบ ริการ
ปฐมภูมิ เพื่อให้บริการสาธารณสุขพื้นฐานที่ครอบคลุม ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล
เบื้องต้นให้กระจายใกล้ชิดกับประชาชนทุกหมู่เหล่า เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ที่ทัดเทียมกัน มีคุณภาพ
รวดเร็ว ต่อเนื่องพร้อมกับก ารมีร ะบบซึ่งต ่อเชื่อมโยงก ับโรงพยาบาลร ะดับส ูงขึ้นไป
(2) พัฒนาระบบริการสุขภาพเพื่อรองรับปัญหาสุขภาพใหม่ๆ จะเห็นได้จากการเปลี่ยนผ่านทางประชากร
การเปลี่ยนผ่านทางโภชนาการ การเปลี่ยนผ่านทางสุขภาพ จะเห็นได้ว่า อุปสงค์ต่อการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุมี
แนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถ ึงโรคอ ุบัติใหม่แ ละโรคอ ุบัติซ้ำ ดังนั้น ควรมีก ารเตร ียมการร องรับโรคดังก ล่าว ซึ่งระบบบ ริการ
สุขภาพท ี่ผ ่านม ายังอ ิงกับการร ักษาโรคแ บบเฉียบพลันเป็นห ลัก การพัฒนาร ะบบร ิการผู้ป่วยเชิงรุกในช ุมชนเพื่อดูแล
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ย ังม ีจำกัด ทำให้ผู้ป ่วยจำนวนมากเข้าไม่ถึงบ ริการ
(3) ความค รอบ ค ลุมข องก ารใหบ้ ริการ ถึงแ ม้ว่า ประเทศไทยไดม้ กี ารป ระกาศน โยบายข ยายป ระกันส ุขภาพให้
ครอบค ลุมป ระชาชนทุกคน ได้แก่ ระบบสวัสดิการร ักษาพ ยาบาลข้าราชการ พนักงานร ัฐวิสาหกิจ ระบบประกันส ังคม
ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ระบบประกันสุขภาพภาคเอกชน และพระราชบัญญัติผู้ประสบภัยจากรถ จาก
การร ายงานค วามค รอบ ค ลุมข องป ระกันส ุขภาพพ บว ่า ประชาชนท ั้งป ระเทศม หี ลักป ระกันส ุขภาพเพิ่มเป็น ร้อยล ะ 96.0
แต่ท ั้งนี้ป ระเด็นท ี่น ่าจ ะเป็นป ัญหาในอ นาคตค ือ การข าดห ลักป ระกันส ุขภาพในก ลุ่มค นไร้ส ัญช าติแ ละแ รงงานต ่างด้าว
โดยเฉพาะแ รงงานต ่างด้าวท ีเ่ข้าเมืองโดยผ ิดก ฎหมาย ซึ่งร ัฐจ ำเป็นต ้องจ ัดบ ริการด ้านส ุขภาพใหเ้นื่องจากก ารม แี รงงาน
ต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายที่ไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพที่ดี นอกจากจะขัดหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังมี
ผลกระทบต ่อความมั่นคงแ ละระบบสุขภาพของประเทศด ้วย
ลิขสิทธ์ขิ องมหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช