Page 18 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 18

11-10 การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์

            1.2		ดวงดาว ส่ง​แสง​ระยิบ​ระยับ​ใน​ยาม​ค่ำคืน บรรดา​ดวงดาว​ที่​ส่อง​แสง​อยู่​บน​ท้องฟ้า​เป็น​
ดาวฤกษ์เ​ช่นเ​ดียวก​ ับด​ วงอ​ าทิตย์ ดาวบ​ างด​ วงม​ ขี​ นาดใ​หญแ่​ ละม​ คี​ วามส​ ว่างแ​ ท้จริงม​ ากกว่าด​ วงอ​ าทิตย์ห​ ลาย​
เท่า แต่เ​นื่องจากอ​ ยู่ไ​กลจ​ ากโ​ลกม​ าก ความ​สว่างป​ รากฏจ​ ึง​น้อย​กว่าด​ วง​อาทิตย์​มาก แสง​จากด​ วงดาว​จำนวน​
มาก​จึงไ​ม่​ได้​ช่วยใ​ห้ก​ ลางค​ ืนส​ ว่างเ​ท่าใด​นัก สู้ค​ วาม​สว่างข​ อง​แสงจากด​ วงจ​ ันทร์ไ​ม่​ได้ แต่แ​ สงจ​ าก​ดวงจ​ ันทร​์
เป็นแ​ สงจ​ ากด​ วงอ​ าทิตย์ท​ ี่ส​ ่องไ​ปก​ ระทบพ​ ื้นผ​ ิวด​ วงจ​ ันทร์แ​ ล้วส​ ะท้อนม​ ายังโ​ลกเ​ท่านั้น เพราะด​ วงจ​ ันทร์ไ​ม่ไ​ด​้
เป็นแ​ หล่งก​ ำเนิด​แสง​อย่าง​ดวงอ​ าทิตย์ห​ รือด​ าวฤกษ์ท​ ั้งห​ ลาย แสง​จากด​ วงดาวเ​ป็น​ผลจ​ ากป​ ฏิก​ ิริยา​นิวเคลียร์​
ฟิวช​ ันเ​ช่นเ​ดียวก​ ับแ​ สงจ​ ากด​ วงอ​ าทิตย์ ดาวห​ รือก​ ลุ่มด​ าวท​ ีเ่​ป็นท​ ีร่​ ู้จักก​ ันด​ ี ได้แก่ ดาวล​ ูกไก่ ดาวเ​หนือ ดาวไ​ถ
ดาวห​ มี​ใหญ่ ดาว​จระเข้ เป็นต้น

            1.3		ฟา้ แลบ เป็นป​ ระกาย​ไฟท​ ี่เ​กิด​จากก​ ารเ​คลื่อนที่​ของ​ประจุไฟฟ้า​ผ่าน​อากาศ
            1.4		หิ่งห้อย เป็น​ด้วง​ปีก​แข็ง​ชนิด​หนึ่ง ชอบ​อาศัย​อยู่​ตาม​ทุ่ง​นา​หรือ​ใน​ป่า​ที่​ชุ่ม​ชื้น หิ่งห้อย​มี​
อวัยวะ​สร้าง​แสง​อยู่​ที่ปล้อง​ปลาย​ท้อง​ซึ่ง​มี​อยู่ 2 ปล้อง​ใน​เพศ​ผู้ และ 1 ปล้อง​ใน​เพศ​เมีย แสง​หิ่งห้อย​เกิด​
จาก​ปฏิกิริยา​ชีวเคมี​ใน​ร่างกาย​ของ​หิ่งห้อยโดย​เซลล์​จาก​อวัยวะ​สร้าง​แสง​ของ​หิ่งห้อย​จะ​ผลิต​สาร​ลู​ซิ​เฟ​อริน 
(luciferin) ซึ่ง​เป็น​สาร​สี​ขาว จาก​นั้น​หิ่งห้อย​จะ​หายใจ​เอา​อากาศ​เข้าไป​ใน​อวัยวะ​สร้าง​แสง เมื่อ​ออกซิเจน​ใน​
อากาศ​ที่​หายใจ​เข้าไป​สัมผัส​กับ​สาร​ลู​ซิ​เฟ​อริน​และ​ทำ​ปฏิกิริยา​กับ​เอนไซม์ลู​ซิ​เฟ​อเรส (luciferase)  หิ่งห้อย​
จะ​ปล่อยพ​ ลังงาน​ออกม​ าเ​ป็น​แสงไ​ด้ หิ่งห้อยค​ วบคุม​การ​เปล่ง​แสงโ​ดย​บังคับอ​ ากาศ​ที่​หายใจเ​ข้าไปใ​น​อวัยวะ​
สร้าง​แสง แสง​จะ​สว่าง​หรือ​ดับ​จึง​ขึ้น​อยู่​กับ​การ​หายใจ​ของ​หิ่งห้อย แสง​หิ่งห้อย​ที่​เปล่ง​ออก​มา​จะ​เป็น​แสง​เย็น​
เนื่องจาก​พลังงาน​ร้อย​ละ 90 ที่​เปล่ง​ออกม​ า​เป็นพ​ ลังงานแ​ สง อีก​ร้อย​ละ 10 เท่านั้น​ที่​เป็น​พลังงาน​ความ​ร้อน
การเ​ปลง่ แ​ สงข​ องห​ ิง่ หอ้ ยใ​นช​ ว่ งโ​ตเ​ตม็ ว​ ยั ใ​นช​ ว่ งผ​ สมพ​ นั ธเุ​์ ปน็ การส​ ง่ ส​ ญั ญาณเ​พือ่ ก​ ารจ​ บั ค​ ู่ ซึง่ ห​ ิง่ หอ้ ยส​ ามารถ​
จำแนกไ​ดจ้​ ากจ​ ังหวะข​ องแ​ สงท​ ีเ่​ปล่งอ​ อกม​ า มสี​ ัตวน์​ ้อยช​ นิดน​ ักท​ ีจ่​ ะส​ ่งส​ ัญญาณท​ ีพ่​ ร้อมเ​พรียงก​ ันไ​ด้ หิ่งห้อย​
จัดเ​ป็นส​ ัตว์​พิเศษ​ที่ส​ ่งส​ ัญญาณแ​ สง​กะพริบใ​น​จังหวะต​ รงก​ ัน (พร้อม​เพรียง​กัน) ได้
            ปรากฏการณก์​ ารเ​ปล่งแ​ สงห​ รือก​ ารเ​รืองแ​ สงข​ องห​ ิ่งห้อยเ​รียกว​ ่า ไบโ​อลม​ู เ​ิ นสเ​ซนซ​ ์ (biolumi-
nescence) การ​เรืองแ​ สงต​ ัวอ​ ่อนข​องแ​ มลง หนอน และเ​ห็ด ต่างเ​กิด​จาก​ปรากฏการณ์น​ ี้​ทั้งส​ ิ้น
       2.	 แสง​ทีม​่ นุษยป์​ ระดษิ ฐ​์ข้นึ ได้แก่ แสงจ​ ากห​ ลอดไ​ฟฟ้า แสงจ​ ากไ​ฟฉาย แสงจ​ ากต​ ะเกียง แสงจ​ าก​
เทียนไข และแสงจ​ ากก​ าร​เผาไ​หม้​ของ​เชื้อเ​พลิง (ไม้ กระดาษ ถ่านไ​ม้ ถ่านหิน น้ำมัน) มนุษย์​ต้อง​สร้างแ​ หล่ง​
กำเนิด​แสง​ขึ้น ​เนื่องจาก​แสง​จาก​ดวง​อาทิตย์​มี​ความ​เข้ม​แสง​ไม่​คงที่​และ​ใช้​ประโยชน์​ได้​เฉพาะ​ตอน​กลาง​วัน
และ​เฉพาะ​สถาน​ที่​ที่​แสง​จาก​ดวง​อาทิตย์​ส่อง​ไป​ถึง ตอน​กลาง​คืน​แสง​จาก​ดวงดาว​ก็​มี​ความ​เข้ม​แสง​ไม่​
มาก​พอ
            2.1		หลอด​ไฟฟ้า แบ่ง​ออก​เป็น​ประ​เภท​ใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ หลอด​ไส้ (incandescent
lamps) และ หล​อด​ดสิ ช​ าร์จ (discharge lamps)
            2.2		หลอดไ​ส้ เป็นห​ ลอดท​ ใี่​หแ้​ สงส​ วา่ งจ​ ากก​ ารเ​ปลง่ แ​ สงข​ องไ​สห​้ ลอด โดยใ​หก้​ ระแสไ​ฟฟา้ ไ​หล​
ผ่านไ​สห้​ ลอดซ​ ึ่งม​ คี​ วามต​ ้านทานส​ ูง พลังงานไ​ฟฟ้าจ​ ะเ​ปลี่ยนเ​ป็นพ​ ลังงานค​ วามร​ ้อน ทำใหไ้​สห้​ ลอดร​ ้อนจ​ ัดจ​ น​
เปลง่ แ​ สง (แผร​่ งั ส)ี ออกม​ า หลอดไ​สแ​้ บง่ อ​ อกเ​ปน็ 2 ชนดิ คอื หลอดไ​สแ​้ บบธ​ รรมดาแ​ ละหลอดท​ งั สเตนแ​ ฮโ​ลเ​จน
(tungsten halogen lamp)
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23