Page 14 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 14

11-6 การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์

เร่ืองท​ ี่ 11.1.1 ธรรมชาตขิ​ อง​แสง

       ในเ​รื่องธ​ รรมชาติข​ องแ​ สงจ​ ะก​ ล่าวถ​ ึง แนวคิดเ​กี่ยวก​ ับแ​ สง และเ​รื่องข​ องค​ วามยาวคลื่น ความถี่ และ​
อัตราเร็ว​ของแ​ สง ดังนี้

แนวคิด​เกย่ี วก​ ับ​แสง

       แนวคิดเ​กี่ยวก​ ับ​แสงต​ ั้งแต่อ​ ดีต​จนถึง​ปัจจุบัน มี​ความเ​ป็นม​ าโ​ดย​สรุป​ดังนี้
       สมัย​โบราณ​เชื่อ​กัน​ว่าการ​ที่​มนุษย์​มอง​เห็น​สิ่ง​ต่างๆ ได้ เนื่องจาก​นัยน์ตา​ปล่อย​อะไร​บาง​อย่าง​ออก​
ไป​สู่​สิ่ง​นั้นๆ แต่​ต่อ​มา​ความ​เชื่อ​เปลี่ยน​เป็น​ว่า การ​มอง​เห็น​สิ่ง​ต่างๆ เป็น​เพราะ​สิ่ง​นั้น​เปล่ง​แสง​หรือ​สะท้อน​
แสงเ​ข้า​สู่​นัยน์ตา ภายห​ ลัง​นิวต​ ัน (Sir Isac Newton) ได้ต​ ั้ง​ทฤษฎีข​ ึ้น​มาอ​ ธิบาย​ว่า แสงเ​ป็น​อนุภาค​ที่ส​ ่งอ​ อก​
มา​จาก​แหล่ง​กำเนิด​แสง​โดย​แสง​เคลื่อนที่​เป็น​เส้น​ตรง​ออก​ไป​จาก​แหล่ง​กำเนิด​แสง​นั้น แสง​จะ​ทะลุ​ผ่าน​วัตถุ​
โปร่งใส​และ​สะท้อน​กลับ​จาก​ผิว​วัตถุ​ทึบ​แสง เมื่อ​อนุภาค​เหล่า​นี้ก​ ระทบห​ รือส​ ะท้อนเ​ข้าส​ ู่​นัยน์ตา​จะ​ทำให้เ​กิด​
การ​มอง​เห็น​ขึ้น ต่อ​มา​ฮอย​เกน​ส์ (Christiaan Huygens) ได้​เสนอ​แนวคิด​ว่า ​แสง​เป็น​คลื่น​และ​ตั้ง​ทฤษฎี​
คลื่น​แสง​ขึ้น ทฤษฎี​นี้​อธิบาย​กฎ​การ​สะท้อน​และ​กฎ​การ​หักเห​ของ​แสง​ได้ แต่​ยัง​ไม่​เป็น​ที่​ยอมรับ​ใน​ขณะ​นั้น
(ตอน​ปลาย​พุทธ​ศตวรรษ​ที่ 22) เนื่องจาก​ยัง​ไม่​พบ​สมบัติ​การ​เลี้ยว​เบน​ของ​แสง เพราะ​ถ้า​แสง​เป็น​คลื่น​จริง
แสง​ต้อง​เลี้ยว​เบน​ผ่าน​สิ่ง​กีดขวาง​ได้ แต่​ภาย​หลัง​ยัง (Thomas Young) และ​เฟรส​เนล (Augustin Jean
Fresnel) ได้ท​ ดลองพ​ บ​การ​แทรก​สอด และก​ าร​เลี้ยว​เบน​ของแ​ สง ซึ่ง​อธิบายไ​ด้​ด้วย​ทฤษฎีค​ ลื่น​แสง ทฤษฎ​ี
คลื่นแ​ สงจ​ ึงเ​ป็นท​ ี่​ยอมรับก​ ัน​จนถึงป​ ัจจุบัน การแ​ ทรกส​ อดแ​ ละ​การเ​ลี้ยวเ​บนข​ องแ​ สงช​ ่วยใ​ห้​วัด​อัตราเร็วข​ อง​
แสงไ​ด้ โดยไ​มเคลส​ ัน (Albert Michaelson) และม​ อรเ์​ลย์ (Edward Morley) ใชอ้​ ุปกรณท์​ ีเ่​รียกว​ ่า ไมเคลส​ ัน
อินเ​ทอ​ ร์เฟอโ​รม​ ิเตอร์ (Michaelson interferometer) ทดลองว​ ัดอ​ ัตราเร็วข​ องแ​ สง ซึ่งไ​ดผ้​ ลใ​กลเ้​คียงก​ ับค​ ่าที​่

ยอมรับ​ในป​ ัจจุบัน คือ 3×108 m/s ในส​ ุญญากาศห​ รือ​ในอ​ ากาศ (โดย​ประมาณ) และจ​ ากก​ าร​ทดลองข​ อง​ยัง​

เกี่ยวก​ ับ​การแ​ ทรก​สอด​ของ​แสง สามารถ​วัด​ความยาวคลื่น​ของ​แสง​ได้ ทำให้แ​ นวคิดท​ ี่ว​ ่า​แสง​เป็น​อนุภาค​ตาม​
ข้อเ​สนอข​ องนิวต​ ัน​หมด​ความห​ มาย​ไป

       ในป​ ี พ.ศ. 2416 แมก​ซ์เวลล์ (James Clerk Maxwell) เสนอท​ ฤษฎี​คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า​ขึ้น​มา ผล​
จาก​การ​คำนวณพ​ บ​ว่า​อัตราเร็วข​ อง​คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าม​ ี​ค่า​เท่ากับ​อัตราเร็วข​ อง​แสง จึง​เป็นการ​สนับสนุนว​ ่า​
แสง​เป็น​คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าช​ นิด​หนึ่ง แต่​ทฤษฎี​คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าข​ อง​แมก​ซ์เวลล์​ใช้​อธิบาย​ปรากฏการณ์​
บางอ​ ย่าง​ของแ​ สง เช่น ปรากฏ​กา​รณ์โฟโ​ต​อิเ​ล็ก​ทริก (การท​ ี่​โลหะ​บางช​ นิด​ปลดป​ ล่อย​อิเล็กตรอน​ออก​มาท​ ันท​ี
ที่แ​ สง​ซึ่ง​มี​ความถี่​สูงพ​ อ​ฉาย​ลง​บนแ​ ผ่น​โลหะ) ไม่​ได้ จนถึง​ปี พ.ศ. 2448 ไอน์ส​ไตน์ (Albert Einstein) ได้​ตั้ง​
ทฤษฎีข​ ึ้นม​ าอ​ ธิบาย​ว่าแ​ สง​เป็น​ก้อน​พลังงานท​ ี่​เรียก​ว่า โฟ​ตอน (photon) และพ​ ลัง​งา​นขอ​ งโฟ​ตอน​จะ​ขึ้น​กับ​
ความถี่ ถ้า​ความ​ถี่ข​ อง​โฟ​ตอน​สูงพ​ อ ทันที​ที่​แสงต​ กกระ​ทบผ​ ิวโ​ลหะ โฟ​ตอนข​ องแ​ สง​จะถ​ ่ายทอด​พลังงาน​ให้​
อิเล็กตรอน ทำให้อ​ ิเล็กตรอน​หลุด​จากอ​ ะตอม​ของโ​ลหะ​นั้น​ได้
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19