Page 17 - อารยธรรมมนุษย์
P. 17

อารยธรรมเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ 4-7
       อารยธรรมอนิ เดยี ทางใตเ้ ปน็ อารยธรรมทแ่ี พรเ่ ขา้ มามากทสี่ ดุ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เชน่ ตวั
อักษรปัลลวะ ซ่ึงเป็นตัวอักษรในสมัยราชวงศ์ปัลลวะของอินเดียใต้ ตัวอักษรดังกล่าวได้แพร่หลายในรัฐ
ต่างๆ ในดนิ แดนแถบนี้ แม้ว่าการใชต้ ัวอกั ษรสมัยก่อนนาครี ซง่ึ เปน็ ตวั อกั ษรจากแควน้ เบงกอล ทางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียก็ตาม แต่ตัวอักษรแบบหลังน้ีไม่นิยมเท่าอักษรปัลลวะ รัฐในสมัย
ประวัติศาสตร์ยังคงหลงเหลือร่องรอยหลักฐานทางอารยธรรมในรูปของโบราณสถาน รวมถึงศิลาจารึกให้
เห็น โดยจะเห็นได้วา่ ในระยะแรกชนชน้ั ปกครองของรัฐเหล่านไ้ี ด้ยอมรบั นับถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดูเข้า
เป็นส่วนหน่ึงของอ�ำนาจในการปกครอง จากน้ันพุทธศาสนาแบบเถรวาท และเถรวาทแบบลังกาวงศ์
จงึ แผ่ตามเขา้ มา ต่อมาศาสนาอสิ ลามจึงแผ่เข้าสู่ดินแดนในแถบนีด้ ้วย
       เปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ อารยธรรมอนิ เดยี แพรข่ ยายออกไปกวา้ งมากกวา่ อารยธรรมจนี แมว้ า่ ชาวพนื้ เมอื ง
ในแถบนจี้ ะตดิ ตอ่ ทางการคา้ และการทตู กบั จนี มาตงั้ แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษที่ 1-25 แลว้ กต็ าม เมอื่ ชาวพนื้ เมอื ง
รับอารยธรรมอินเดียและพัฒนาจนกลายเปน็ อารยธรรมของกลุ่มตา่ งๆ อย่างกลมกลนื พร้อมทงั้ มีรูปแบบ
เฉพาะตวั ขน้ึ แลว้ กต็ าม แตน่ กั วชิ าการบางคนกลา่ ววา่ อารยธรรมโบราณของรฐั โบราณในแถบนม้ี โี ครงสรา้ ง
แบบอินเดียบนฐานของวัฒนธรรมพ้ืนเมือง เพราะเหตุว่าอารยธรรมอินเดียท้ัง ตัวอักษร ศัพท์ ปฏิทิน
(จันทรคติและสุริยคติ) วรรณกรรม ศิลปะ การปกครอง และกฎหมาย จะมีผลต่อชนช้ันสูงและชนชั้น
ปกครองในราชสำ� นกั เทา่ นน้ั ในขณะทช่ี าวบา้ นยงั คงดำ� รงชวี ติ โดยคงวฒั นธรรมพนื้ ถน่ิ ในวถิ ชี วี ติ และกวา่
อารยธรรมอินเดยี จะแพร่ไปสู่ชาวบ้านกก็ นิ เวลานานพอควร
       จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีมีอยู่ในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า รัฐโบราณท่ีเก่าแก่ที่สุดในเอเชีย-
ตะวนั ออกเฉยี งใตค้ อื ฟนู นั และลนิ ย่ี (จามปา) ซง่ึ กอ่ ตง้ั ขนึ้ ในปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 2 ในดนิ แดน 3 แหง่ คอื
1) แถบแม่น�้ำโขงตอนล่างและดินดอนสามเหล่ียมท่ีปากแม่น้�ำ  2) เหนือเมืองเว้ในอันหน�ำเหนือ และ
3) ตอนเหนือของแหลมมลายู หลักฐานเหล่านี้ล้วนได้มาจากเอกสารจีน หากไม่มีเอกสารจีนคงไม่ทราบ
ขอ้ มลู สำ� คญั ของรฐั เหลา่ นใ้ี นระยะเรม่ิ ตน้ ภายหลงั เมอื่ มจี ารกึ ปรากฏขน้ึ ขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตรล์ ว้ นไดร้ บั
จากการอ่านแปลจารึกท่ีให้ข้อมูลไว้หลายด้าน แม้ว่านักวิชาการด้านจารึกศึกษาประวัติศาสตร์จะตีความ
จารึกต่างกันไปบ้างในบางกรณี แต่จารึกเหล่านี้ล้วนเป็นเอกสารช้ันต้นทางประวัติศาสตร์ที่ส�ำคัญและ
นา่ เช่อื ถือ ดเู หมอื นวา่ รัฐโบราณในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตใ้ นระยะแรกๆ ทเ่ี รมิ่ การบนั ทึกเหตกุ ารณล์ งใน
จารึกล้วนเกี่ยวข้องกับชนชั้นสูง หรือแม้อาจจะเกี่ยวข้องกับศาสนาก็ตาม แต่ข้อมูลเหล่าน้ีก็ฉายให้เห็น
โครงสร้างทางสังคมบางส่วนของรัฐโบราณเหล่าน้ี นอกจากน้ีในระยะแรกๆ จารึกส่วนใหญ่บันทึกด้วย
ตัวอักษรของราชวงศ์ปัลลวะท่ีใช้ภาษาสันสกฤตเป็นหลัก แม้ว่าในระยะต่อมาจะเริ่มมีคลี่คลายพัฒนาจน
เปน็ ตวั อกั ษรและภาษาของกลมุ่ แตก่ ใ็ ชเ้ วลาพอสมควร โดยเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณน์ นั้ ๆ เกยี่ วขอ้ งกบั ชนชน้ั
สงู รวมถงึ ศาสนาเปน็ หลกั ดเู หมอื นวา่ ตัวอักษรปัลลวะและภาษาสันสกฤตก็ยังคงมีบทบาทส�ำคัญท่ีใช้เพ่ือ
แสดงความศักด์สิ ทิ ธิแ์ ละแสดงความย่ิงใหญ่ของกษตั รยิ ์
       ในชว่ งสมยั นก้ี นิ เวลานานพอสมควรทที่ ำ� ใหเ้ กดิ รฐั โบราณจำ� นวนมาก บางรฐั ยงั คงสบื ทอดอำ� นาจ
และแสดงความยิ่งใหญ่เป็นระยะเวลานานหลายร้อยปี เช่น อาณาจักรสมัยพระนครของเขมร อาณาจักร

         5 สภุ ัทรดศิ ดศิ กลุ , หมอ่ มเจา้ . (2549). ประวัตศิ าสตรเ์ อเชียอาคเนย์ ถึง พ.ศ. 2000. กรงุ เทพฯ: สามลดา. น. 10.
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22