Page 20 - การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา
P. 20

12-10

เชิงประจักษ์เพื่อให้ผู้วิจัยได้ใช้ดัชนีเหล่านั้นในการตัดสินใจปรับโมเดล แต่ SEM จัดเป็นสถิติอ้างอิง
ประเภทหน่ึงท่ีข้อมูลเก็บจากกลุ่มตัวอย่างต้องมีการทดสอบนัยส�ำคัญทางสถิติ เพื่ออ้างอิงค่าท่ีประมาณได้
จากกลุ่มตัวอย่างไปยังค่าของประชากร

2.	 ข้อตกลงเบื้องตน้ ของการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสรา้ ง

       1)	 ตัวแปรในโมเดลเป็นได้ทั้งตัวแปรสังเกตได้ (observed variables) และตัวแปรแฝง (latent
variable) โดยตัวแปรสังเกตได้ (observed variables) มีความคลาดเคล่ือนในการวัด

       2)	 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรท้ังหมดในโมเดลเป็นความสัมพันธ์แบบเส้นเชิงบวก เป็น
ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ (causal relationship) ที่มีทิศทางของความสัมพันธ์แบบย้อนกลับได้ (reciprocal
causal relationship)

       3)	 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่เป็นความสัมพันธ์เชิงเหตุ มีการจัดล�ำดับก่อน-หลังของตัวแปร
ให้เป็นตามแนวคิดทฤษฎี ที่ส�ำคัญคือ ตัวแปรที่เกี่ยวข้องทุกตัวต้องรวมอยู่ในโมเดล ไม่มีตัวแปรท่ีเก่ียวข้อง
อยู่นอกโมเดล ที่เรียกว่าเป็นแบบปิด

       4) 	ข้อมูลอยู่ในมาตรการวัดแบบต่อเนื่อง (ระดับอันตรภาคหรืออัตราส่วน) ปัจจุบันโปรแกรม
ส�ำเร็จรูปส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลท่ีวัดระดับเรียงอันดับ (ordinal scale) โดยไม่ต้องแปลงให้เป็น
ตัวแปรดัมมี่ (dummy variable) (แต่ในบางโปรแกรมยังต้องแปลงข้อมูลให้เป็นตัวแปรดัมม่ี)

       5)	 การแจกแจงของตัวแปรสังเกตได้ และความคลาดเคลื่อนต้องเป็นแบบปกติ และตัวแปร
dichotomous หรือตัวแปร dummy ท่ีมีค่าเฉล่ียใกล้ 0.5 จะให้ค่าประมาณพารามิเตอร์ที่มีความแกร่ง
(robust) นอกจากนี้ตัวแปรความคลาดเคลื่อนจากการวัดของตัวแปรสังเกตได้สามารถสัมพันธ์กันได้

       6)	 โมเดลสมการโครงสร้างทมี่ ีตัวแปรสังเกตได้อย่างเดียว (ไม่มตี ัวแปรแฝง) ข้อมูลของตวั แปรตาม
ต้องมีการแจกแจงเป็นโค้งปกติในแต่ละค่าของตัวแปรอิสระ

       กลุ่มตัวอย่างที่มีจ�ำนวนมากพอในการวิเคราะห์ SEM ขนาดตัวอย่างส�ำหรับการวิเคราะห์โมเดล
สมการโครงสร้างจ�ำนวนเป็นสัดส่วน 10-12 ตัวอย่าง ต่อ 1 พารามิเตอร์ แต่ต้องไม่ต่�ำกว่า 100 ตัวอย่าง

3.	 ขั้นตอนการวเิ คราะหข์ องโมเดลสมการโครงสร้าง

       ปัจจุบันมีผู้ที่พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้สามารถวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างให้มีความ
ถูกต้อง แม่นย�ำ ได้แก่ โปรแกรม LISREL โปรแกรม AMOS โปรแกรม Mplus และโปรแกรม EQS เป็นต้น
โดยแต่ละโปรแกรมก็จะมีจุดเด่นในการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างหรือ SEM โดยมีรายละเอียด
การวิเคราะห์และค�ำส่ังท่ีใช้ในการวิเคราะห์แต่โปรแกรมสมการโครงสร้างแตกต่างกัน แต่การวิเคราะห์ด้วย
โปรแกรมสมการโครงสร้างมีข้ันตอนส�ำคัญคล้ายกัน

       3.1		การกำ� หนดโครงสรา้ งของโมเดล หรือการสร้างแผนภาพโมเดล (diagram) เป็นขั้นตอนส�ำคัญ
ล�ำดับแรกท่ีการวิเคราะห์สถิติแบบ SEM แตกต่างจากการวิเคราะห์สถิติแบบอ่ืน ๆ ผู้วิจัยต้องมีการออกแบบ
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25