Page 33 - โลกทัศน์ไทย
P. 33
ศาสนาคริสต์ในสงั คมไทย 9-23
5) ศีลเจิมคนป่วย (anointing of the sick) เป็นการใหก้ ำ� ลังใจแกผ่ ู้ป่วย เพ่อื ทจี่ ะยอมรับสภาพ
แหง่ ความเจบ็ ปว่ ยอยา่ งมคี วามหวงั ครสิ ตชนเชอ่ื วา่ หากพระเจา้ ทรงประสงคใ์ หเ้ ขาหายปว่ ย ความเจบ็ ปว่ ย
กจ็ ะหายไปไม่ว่าจะชา้ หรอื เร็ว แต่ถา้ หากพระเจ้าไมท่ รงประสงคใ์ หเ้ ขาหายป่วยในทันที ภาวะนนั้ อาจจะมี
ความหมายบางอยา่ งทเ่ี ขายงั ไมร่ ใู้ นปจั จบุ นั แตถ่ า้ หากผนู้ น้ั ปว่ ยหนกั จนจะสน้ิ ชวี ติ เขาจะระลกึ ถงึ ความรกั
ท่ีพระเจ้าทรงมีต่อเขา ท�ำให้การละจากโลกนี้ไปมิใช่เป็นความโดดเด่ียวอ้างว้าง แต่จะเป็นการเดินทางไป
สพู่ ระบิดาและเปน็ การกลับไปส่คู วามรกั และสนั ติสุขนิรันดร
6) ศีลบวช (holy order ordination) ครสิ ตชนเช่ือวา่ คนบางคนจะได้รับการเลอื กจากพระเจ้า
ใหท้ ำ� หนา้ ทพี่ ระสงฆ์ เชน่ การทโี่ มเสส อาโรน และประกาศกหลายๆ ทา่ นไดร้ บั การเรยี กจากพระเจา้ (เรยี กวา่
บุคคลเหล่านี้มีกระแสเรียกพิเศษ) หรือดังเช่นท่ีพระเยซูคริสต์ทรงเรียกบุคคลต่างๆ มาเป็นสาวกติดตาม
พระองค์ไปประกาศขา่ วแหง่ ความรอด จนกระท่ังสบื มาเปน็ คริสตจกั รในปัจจบุ นั
ผทู้ ีม่ ี “กระแสเรยี ก” เม่อื ไดร้ ับการอบรมจนแน่ใจและพร้อมที่จะตอบสนองตอ่ กระแสเรียกของตน
ก็จะได้รับศีลบวช (บางคร้ังเรียก ศีลบรรพชา หรือศีลอนุกรม) ซึ่งจะเริ่มต้ังแต่การบวชเป็นสังฆานุกร
พระสงฆ์ และถา้ ได้รับเลอื กเป็นผนู้ ำ� พระสงฆ์ ก็จะรบั ศีลตอ่ ไปอกี เรยี กว่า การอภิเษกพระสงั ฆราช ซึ่งจะ
เปน็ ผดู้ แู ลพระสงฆข์ องสงั ฆมณฑล (diocese) และพระสงั ฆราชทว่ั โลกจะเลอื กผนู้ ำ� สงู สดุ และอภเิ ษกเปน็
สมเด็จพระสันตะปาปา (Pope) ซึ่งเป็นประมุขของคริสตจักรคาทอลิก (ในปัจจุบัน ผู้เลือกต้ังสมเด็จ-
พระสนั ตะปาปาคือ คณะพระคาร์ดินลั ) ผู้ท่ไี ด้รับศีลบวชแลว้ ตอ้ งปฏิบตั ติ นถือโสดและไมล่ าสึกตลอดชีวิต
ภาพท่ี 9.10 การแต่งต้ังศาสนาจารย์ของนิกาย