Page 53 - โลกทัศน์ไทย
P. 53

ศาสนาครสิ ตใ์ นสงั คมไทย 9-43

การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในสังคมไทย

       นับตง้ั แต่มาร์ตนิ ลูเทอร์ ไดล้ กุ ขึน้ คัดค้านครสิ ตจกั รสากลดว้ ยการประกาศขอ้ คดิ เห็น 95 ขอ้ ใน
ค.ศ. 1517 เพอื่ ตอ้ งการใหม้ กี ารปฏริ ปู ครสิ ตจกั ร ความคดิ ของลเู ทอรถ์ กู ปฏเิ สธโดยครสิ ตจกั รสากล แตท่ วา่
กลบั ไดร้ บั การยอมรบั จากครสิ ตชนในหลายประเทศ และความคดิ ของเขาไดแ้ พรก่ ระจายออกไปกวา้ งขวาง
มากขนึ้ เรือ่ ยๆ

       แม้ว่าการตอบสนองต่อเสียงคัดค้านของลูเทอร์จะดังมาจากทุกสารทิศ แต่การปฏิรูปศาสนาที่น�ำ
โดยครสิ ตจกั รสากลกลับไร้ผล มไิ ดเ้ ปน็ ไปตามเจตนารมณข์ องลูเทอร์แต่อยา่ งใด ทัง้ นีก้ ็เพราะการตคี วาม
ของลเู ทอรท์ ย่ี อมรบั วา่ ทกุ คนมสี ทิ ธติ์ คี วามพระคมั ภรี ไ์ บเบลิ ไดเ้ พราะ “ครสิ ตชนทกุ คนมฐี านะเปน็ พระสงฆ์
เทา่ กนั หมด” ความเขา้ ใจขอ้ ความตา่ งๆ ในพระคมั ภรี ม์ าจากพระเจา้ มใิ ชเ่ พราะความฉลาดของมนษุ ยเ์ อง
ดังน้ันการสรปุ วา่ มีคนบางคนเข้าใจขอ้ ความในพระคมั ภีร์มากกวา่ คนอ่ืน จงึ เป็นสิ่งที่ยอมรับไมไ่ ด้

       การกลา่ วเชน่ นเ้ี ปน็ การปฏเิ สธสทิ ธใิ นการนำ� ของครสิ ตจกั รสากล และกเ็ ชน่ เดยี วกนั ถอื เปน็ การปฏเิ สธ
ศูนย์น�ำการคัดค้านเพ่ือก่อให้เกิดการปฏิรูปคริสตจักรด้วย ผลท่ีเกิดขึ้นคือ กลุ่มผู้คัดค้านได้แยกตัวออก
เปน็ กลมุ่ คณะ สมาคมตา่ งๆ มากมาย ทงั้ นก้ี ส็ บื เนอื่ งมาจากการตคี วามขอ้ ความในพระคมั ภรี ไ์ บเบลิ นน่ั เอง
ในทนี่ กี้ ลมุ่ ยอ่ ยตา่ งๆ จะเรยี กวา่ “คณะ” ซง่ึ ยอ่ มาจาก “คณะกรรมการ” (ใหส้ งั เกตวา่ คณะตา่ งๆ ในนกิ าย
โปรเตสแตนต์ แยกตวั เป็นอิสระจากกนั อย่างสมบรู ณ์ ตา่ งกบั คณะนกั พรตในนกิ ายโรมันคาทอลิก ซง่ึ ทุก
คณะนักพรตจะมีอธิการคณะ (ระดับชาติ) เจ้าคณะแขวง (ระดับภูมิภาค) และมหาอธิการคณะ (ระดับ
สากล) ซ่ึงมหาอธกิ ารคณะ นักพรตทกุ คณะตอ้ งขึ้นตรงตอ่ สมเด็จพระสันตะปาปา)

       คณะธรรมการตา่ งๆ จะมศี นู ยก์ ลางการทำ� งานอยใู่ นประเทศใดประเทศหนง่ึ เชน่ องั กฤษ อเมรกิ า
เยอรมนี และจะสง่ ธรรมทตู เขา้ ไปประกาศศาสนาในดนิ เเดนอน่ื เชน่ จนี มาเลเซยี ญปี่ นุ่ เวยี ดนาม ไทย เปน็ ตน้

       ส�ำหรับประเทศไทย (ในขณะน้ันยังเรียกว่า “สยาม”) คณะกรรมการต่างๆ เริ่มเข้ามาเผยแผ่
ศาสนาครสิ ตป์ ระมาณ ค.ศ. 1828 (พ.ศ. 2371) ซงึ่ อาจจะเรยี กวา่ เปน็ การบกุ เบกิ การประกาศศาสนาครสิ ต์
นกิ ายโปรเตสแตนตใ์ นสังคมไทย

       1.	 ยุคบุกเบิก (ค.ศ. 1828-1878) เป็นช่วงเวลาท่ีเริ่มจากการเข้ามาของคณะธรรมการชุดแรก
จนถงึ ปที พี่ ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงประกาศพระบรมราชโองการใหเ้ สรภี าพในการนบั ถอื
ศาสนา ในยุคนี้มีคณะธรรมการเข้ามา 3 ชุด คอื

            1) 	สมาคมคณะธรรมทูตแห่งลอนดอน (The London Missionary Society: LMS)
มี ศจ.นายแพทย์ คาร์ล ออกสั ตสั กตุ สลาฟ (ศจ. = ศาสนาจารย์) และ ศจ.จาคอบ ทอมลนิ ซึง่ ตอ้ งการ
เดนิ ทางไปเผยแผศ่ าสนาในประเทศจนี ไดเ้ ดนิ ทางมาถงึ ประเทศไทยเมอ่ื วนั ท่ี 23 สงิ หาคม ค.ศ. 1828 ทงั้
สองทราบวา่ มคี นจนี อาศยั อยทู่ ก่ี รงุ เทพฯ จำ� นวนมาก จงึ ตอ้ งการสอนศาสนาแกค่ นเหลา่ นี้ โดยตดิ ตอ่ ขออนญุ าต
จากทางการผา่ นทางมองซเิ ออร์ คาลอส เดอ ซลิ เวยี รา กงสลุ โปรตเุ กส ในขณะนน้ั ดำ� รงยศเปน็ หลวงอภยั วานชิ

            ศาสนาจารยท์ งั้ สองทา่ นไดร้ บั อนญุ าตจงึ ทำ� การแจกจา่ ยใบปลวิ ภาษาจนี เปน็ จาํ นวนมากถงึ
23 หีบ นอกจากน้ีท่านยังได้แจกจ่ายยารักษาโรค ซ่ึงในขณะนั้นโรคที่ท�ำให้คนเสียชีวิตปีละมากๆ คือ
ไขจ้ บั สนั่ อหิวาตกโรคและไข้ทรพิษ ประชาชนทัง้ คนไทยและคนจีนนิยมยารักษาโรคเหล่านม้ี าก ท่านจึงมี
ความคดิ จะเผยแผ่ศาสนาสคู่ นไทยด้วย
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58