Page 57 - โลกทัศน์ไทย
P. 57

ศาสนาคริสต์ในสงั คมไทย 9-47
       ความคดิ ทจ่ี ะสรา้ งใหค้ รสิ ตจกั รเปน็ ของคนไทยมคี วามจำ� เปน็ ในขณะนนั้ เพราะกระแสความคดิ เรอ่ื ง
ชาตนิ ยิ มทแ่ี พรห่ ลายในหมคู่ นไทย ประกอบกบั ประเทศตา่ งๆ ในยโุ รปและอเมรกิ าประสบปญั หาเศรษฐกจิ
ตกตำ่� อนั เนอ่ื งมาจากภาวะหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ทำ� ใหก้ ารสนบั สนนุ ดา้ นเศรษฐกจิ เปน็ ไปไดอ้ ยา่ งจ�ำกดั
การสรา้ งครสิ ตจกั รเป็นของคนไทย จงึ รวมมติ ิดา้ นการพงึ่ ตนเองในทางเศรษฐกิจด้วย
       การประชมุ ในปี ค.ศ. 1929 ไดก้ อ่ กำ� เนดิ “สยามครสิ ตสภา” (บางครง้ั พบชอื่ เรยี กวา่ “สยามครสิ ต-
ศาสนกจิ สภา”) และไดต้ ง้ั ขนึ้ อยา่ งเปน็ ทางการในปี ค.ศ. 1930 โดยใหค้ รสิ ตจกั รมลี กั ษณะเปน็ “แบบพนื้ เมอื ง”
หรอื “แบบสยามแท”้ สยามครสิ ตสภามธี รรมทูตเป็นพเี่ ลีย้ งคอยช่วยเหลือในการทำ� งาน
       ความคิดดังกล่าวพัฒนาต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 1933 คณะกรรมการสยามคริสตสภาก็เตรียมการ
ประชมุ เพื่อตั้งคริสตจกั รประจำ� ชาติในปี ค.ศ. 1934 และในเดอื นเมษายน ค.ศ. 1934 ก็ได้มกี ารสถาปนา
สภาคริสตจักรในประเทศสยาม และมีการรา่ งครสิ ตธรรมนญู ของครสิ ตจกั รดว้ ย
       ในยคุ ใหมน่ เี้ อง คณะธรรมการตา่ งๆ ไดเ้ ขา้ มาทำ� งานเผยแผศ่ าสนา มกี ารตงั้ โรงเรยี น โรงพยาบาล
สถานรักษาคนโรคเร้ือน โบสถ์ มีการบุกเบิกการท�ำงานออกไปในชนบททุกภาค และการท�ำงานกับ
ชนกลุ่มนอ้ ย เชน่ ชาวเขา ชาวกะเหรย่ี ง คนจีน เปน็ ต้น
       3. 	ยคุ ปจั จบุ ัน (ค.ศ. 1934-1989) เปน็ ชว่ งเวลาจากปที มี่ กี ารกอ่ ตง้ั สภาครสิ ตจกั รในประเทศสยาม
ซ่ึงเป็นองค์กรทางการ (ท่ีจริงรัฐบาลได้ให้การรับรองในภายหลังเป็นรูปนิติบุคคล) ท่ีการบริหารงานเป็น
คนไทยทงั้ หมด แมว้ า่ ในทางปฏบิ ตั คิ ณะธรรมการอเมรกิ นั เพรสไบทเี รยี น และคณะธรรมการดไี ซเปลิ จะทำ�
หน้าที่เป็นพี่เลี้ยงอยู่ก็ตาม กระบวนการของการสร้างคริสตจักรของคนไทยได้เสร็จส้ินสมบูรณ์ในปี ค.ศ.
1962 กลา่ วคือ คณะธรรมการท้งั สองคณะไดป้ ระกาศสลายตวั เขา้ สังกดั ในสภาคริสตจกั รฯ คณะธรรมการ
อเมริกันเพรสไบทเี รียนสลายตัวในปี ค.ศ. 1957 และคณะธรรมการดีไซเปิลสลายตวั ในปี ค.ศ. 1962
       ในยคุ นเ้ี องมกี ารก่อตั้งองค์กรทางการของนิกายโปรเตสแตนตอ์ กี 3 องค์กร คอื สหกจิ คริสเตียน
เเหง่ ประเทศไทย มลู นธิ คิ รสิ ตจกั รเเบบ๊ ตสิ ต์ และมลู นธิ คิ รสิ ตจกั รวนั เสารแ์ หง่ ประเทศไทย ซง่ึ จะขอกลา่ วถงึ
แตล่ ะองคก์ รโดยสงั เขป ดงั นี้

            1) 	สภาคริสตจักรในประเทศไทย (The Church of Christ in Thailand: CCT)
นับต้ังแต่สภาครสิ ตจกั รในประเทศไทยมีการบรหิ ารงานด้วยตนเองอย่างแท้จรงิ (ประมาณปี ค.ศ. 1957)
ได้มีความคิดเร่ืองการให้ความส�ำคัญแก่คริสตจักรตําบล ซึ่งแต่เดิมน้ันเน้นความส�ำคัญของคริสตจักรภาค
เป็นสำ� คัญ ทำ� ใหค้ รสิ ตจกั รตาํ บลออ่ นแอ ซึง่ สง่ ผลกระทบให้คริสตจักรภาคออ่ นแอด้วย

            การให้ความส�ำคัญแก่คริสตจักรต�ำบลซึ่งเป็นหน่วยย่อยท�ำให้ลักษณะการท�ำงานมีการ
เปลย่ี นแปลงจากการสง่ั การไปจากสว่ นกลาง ไปสรู่ ปู แบบของการประสานงานซงึ่ ทกุ สว่ นมรี ะบบการดำ� เนนิ งาน
ในรูป “ธรรมนูญการปกครองคริสตจักร” มศี นู ยก์ ลางอยทู่ ่ีสภาคริสตจกั รในประเทศไทย

            สภาคริสตจักรฯ จะมีการประชุมสามัญทุก 2 ปี และทุก 4 ปี เพื่อเลือกต้ังเจ้าหน้าท่ีของ
สภาคริสตจักรฯ มี 4 ต่าแหนง่ คือ ประธานสภาครสิ ตจกั รฯ รองประธาน สภาคริสตจักรฯ เลขาธกิ าร และ
เหรัญญิก นอกจากนี้ท่ีประชุมจะก�ำหนดนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ ในสังกัดน�ำไปปฏิบัติ และจะเลือก
คณะบคุ คลข้ึนมาทาํ หน้าที่เป็นกรรมการอำ� นวยการของสภาครสิ ตจกั รฯ ดว้ ย
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62