Page 39 - การสื่อข่าวและการเขียนข่าว
P. 39
แหลง่ ขา่ ว แหลง่ ข้อมูล และความน่าเชอื่ ถอื ของขอ้ มูล 6-29
- การบอกได้ว่าผรู้ ับสารเปน็ กลุ่มใด เช่น ประชาชนทั่วไป นักวชิ าการ นักศึกษา ผอู้ ยใู่ นวงการ
วิชาชีพ
- การบอกวตั ถุประสงค์ของการเผยแพรข่ อ้ มูลนัน้ ได้ เช่น การใหข้ ้อมลู ขา่ วสาร การรายงานผล
การวิจัย การใหข้ ้อเสนอแนะเชงิ โน้มนา้ ว การใหข้ อ้ มลู เชงิ ธรุ กิจ การให้ความบนั เทิง เป็นตน้
- การเสนอข้อมูลข่าวสารมีทิศทางท้ังสองด้าน ท้ังเชิงบวกและเชิงลบ โดยให้ผู้รับสารพิจารณา
ตัดสินเอง
- เนื้อหานน้ั มีความทันสมยั เปน็ ปจั จบุ นั ลกึ ซ้ึง และมีรายการอา้ งองิ
3. การประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์หรือส่ือออนไลน์
กรณขี องแหล่งข้อมลู จากเวบ็ ไซตห์ รอื สื่อออนไลน์ มขี อ้ ควรพิจารณาเพิม่ เตมิ ดังนี้
- เวบ็ ไซต์ทเี่ ป็นแหล่งขอ้ มูล เปน็ เว็บทลี่ งทา้ ยด้วยตวั อักษรประเภทใด เช่น .com, .net, .gov,
.org, .edu, หรือ .au เป็นต้น ถ้าเป็นเว็บของราชการมักลงท้ายด้วย .gov เว็บของมหาวิทยาลัยหรือ
เกี่ยวขอ้ งกับการศึกษา มกั ลงทา้ ยด้วย .edu เวบ็ ของบรษิ ทั มักลงท้ายดว้ ย .com เน้ือหาทมี่ คี วามเฉพาะ
ลงทา้ ยดว้ ย .org ตอ้ งพจิ ารณาวา่ เวบ็ ไซตใ์ ดทคี่ วรเหมาะสมในการเลอื กเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู เพอ่ื การสบื คน้ ทส่ี ดุ
- เราสามารถวเิ คราะหร์ ายละเอียดเพมิ่ เตมิ ท่ีเกีย่ วข้องกบั แหล่งขอ้ มลู หรอื ไม่
- ตำ� แหนง่ ทอ่ี ยขู่ องเวบ็ หรอื ยอู ารแ์ อล (Uniform Resource Locator: URL) ไดแ้ กอ่ ะไร เปน็
ยูอาร์แอลส่วนตัวหรือไม่ ถ้าเป็นหน้าเว็บส่วนตัว ก็จ�ำเป็นต้องค้นหาข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับผู้เขียน โดย
ท่วั ไปหนา้ เพจสว่ นตวั มักเป็นเรอ่ื งท่แี สดงความคิดเห็น ซ่ึงอาจไมใ่ ช่ขอ้ มูลทเี่ ป็นจรงิ และถูกต้องก็ได้
- วัตถุประสงคข์ องเว็บไซต์เพอ่ื อะไร เชน่ เพอื่ บอกกลา่ ว เพอ่ื ขาย เพ่อื อธิบาย เพ่ือแบง่ ปนั เพอ่ื
โต้แย้ง เพื่อโน้มน้าว เป็นต้น การใช้ข้อมูลในเว็บเหล่าน้ันต้องพิจารณาความเหมาะสมกับข้อมูลท่ีก�ำลัง
สืบคน้ ถา้ มีความสงสยั ในความนา่ เชอื่ ถอื การตัดสินใจทีค่ วรท�ำคอื ไม่ใชแ้ หล่งข้อมลู นน้ั
- ใครคือผู้เขียน เขียนในนามส่วนตัวหรือในนามองค์กร ให้ดูหัวข้อที่เขียนว่า ‘เกี่ยวกับองค์กร
(About us) หรอื ภมู หิ ลงั (Background)’ ซงึ่ มกั พบอยดู่ า้ นบนของหนา้ เวบ็ อยทู่ เ่ี มนดู า้ นขา้ ง หรอื ทด่ี า้ น
ท้ายของหน้า การวิเคราะห์ความน่าเช่ือถือของข้อเขียนน้ันต้องดูว่า มีการน�ำเสนอข้อมูลเก่ียวกับผู้เขียน
หรือองค์กรได้เพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่ อาจต้องสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม การรู้เพียงที่อยู่อีเมลของผู้เขียนย่อม
ไม่เพยี งพอท่ีจะตดั สินได้ว่า เว็บของผู้เขยี นนน้ั น่าเชือ่ ถือ
- ผเู้ ขยี นไดร้ บั การยอมรบั ในความนา่ เชอื่ ถอื (credentials) หรอื ไม่ เปน็ ผเู้ ชย่ี วชาญในเรอื่ งนนั้ ๆ
หรือไม่ ทั้งผู้เขียนและองค์กรมีช่ือเสียงเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ส่ิงท่ีต้องระลึกเสมอก็คือ ใครๆ ก็สามารถ
โพสต์ (post) ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้ โดยอาจไม่มีพ้ืนประสบการณ์ในเรื่องน้ันๆ ถ้าไม่สามารถค้นหา
ข้อมูลหรือเรื่องราวเกยี่ วกบั ผูเ้ ขยี นหรือองค์กรน้นั ได้ ก็นา่ จะสนั นษิ ฐานได้วา่ เว็บไซตน์ ้นั ไม่นา่ เชอ่ื ถอื
- มีเว็บไซต์อ่ืนท่ีกล่าวถึงผู้เขียนหรือองค์กรน้ันหรือไม่ ถ้ามี เว็บไซต์ใดท่ีกล่าวถึงผู้เขียนหรือ
องค์กรน้ัน เพราะในบางครั้งเราสามารถหาข้อมูลเก่ียวกับผู้เขียนหรือองค์กรท่ีเผยแพร่ข้อความนั้นจาก
เว็บไซต์อน่ื