Page 16 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 16
1-6 ทฤษฎแี ละการวจิ ารณภ์ าพยนตร์
ปัจจุบันยังไม่มีแนวคิดหรือทฤษฎีศิลปะใดที่สามารถอธิบายพัฒนาการทางศิลปะได้ครอบคลุม
และชัดเจนได้ทั้งหมด แต่สิ่งท่ีช่วยให้เรามองเห็นและอธิบายถึงพัฒนาการทางศิลปะได้ ก็คือแนวคิดใน
เชงิ เปรยี บเทยี บงานศลิ ปะวา่ เปน็ เหมอื นกบั สง่ิ ทม่ี ชี วี ติ ทม่ี รี า่ งกาย มกี ารเกดิ เตบิ โต เสอื่ มหรอื กา้ วเปลย่ี น
ไปสยู่ คุ ใหม่ได้ และในส่วนที่สอง เราอาจแบง่ ศลิ ปะออกเปน็ 2 กลมุ่ ความคิด คือ กลมุ่ สจั นยิ ม (realism)
ทีเ่ นน้ ความเป็นจรงิ และกลมุ่ จติ นิยม (idealism) ที่เน้นสภาวะความเปน็ นามธรรม
ศลิ ปะในแตล่ ะยคุ แมจ้ ะมพี ฒั นาการและบง่ บอกไปถงึ ลกั ษณะเฉพาะตวั กต็ าม แตง่ านศลิ ปะตง้ั แต่
ยุคต้นกระทั่งถึงยุคปัจจุบันก็ยังมีลักษณะร่วมกันของมนุษย์หลายประการ รวมไปถึงการแสดงออกทาง
อารมณข์ องศลิ ปนิ ดว้ ย ถา้ สงั เกตดจู ะเหน็ ไดว้ า่ ในชว่ งตน้ ของศลิ ปะจะแสดงออกมาจากแบบดบิ หยาบจนถงึ
แสดงออกถึงความรู้สึกที่ดื่มด่�ำ ละเอียดลึกซ้ึง และสงบน่ิงข้ึนตามล�ำดับ การสร้างสรรค์ศิลปะของมนุษย์
แตล่ ะกลมุ่ วฒั นธรรมลว้ นเกย่ี วขอ้ งและถกู กำ� กบั ดว้ ยบรบิ ททางสงั คม วฒั นธรรม การรบั รู้ และเชอ่ื มโยงไป
ถึงบทบาทของผ้สู รา้ งสรรค์งานศิลปะได้ (ธีรยทุ ธ บุญม,ี 2546, น. 35, 227-229)
การสร้างสรรค์ศิลปะของมนุษย์เป็นเร่ืองที่ยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นไปอย่างไร แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า
ศิลปะเป็นเร่ืองที่เก่ียวพันกับความงาม อารมณ์ และชนชั้นทางสังคม เป็นเรื่องการรับใช้ชีวิตมนุษย์ การ
คล่ีคลายแรงปรารถนาทางเพศที่แฝงเร้นอยู่ในมนุษย์ การสะท้อนลักษณะทางสังคม และการท�ำหน้าท่ี
บางอยา่ งในทางสังคม ในเมื่อศิลปะเข้าไปเก่ียวพันไปถึงความงามแล้ว จึงท�ำให้ศิลปะมีความสัมพันธ์กับ
สุนทรียศาสตร์ในลักษณะที่ต่างก็เป็นผลมาจากการแสดงออกซ่ึงการรับรู้และความรู้สึก (วนิดา ข�ำเขียว,
2543, น. 5)
ความรู้ท่ีเก่ียวกับความงามหรือสุนทรียศาสตร์ เราอาจได้มาจากหลายๆ แนวทาง ซ่ึงรวมถึง
แนวทางการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ของสนุ ทรยี ศาสตรแ์ ละการศกึ ษาถงึ ปญั หาของสุนทรียศาสตร์
แนวทางการศึกษาประวัติศาสตร์ของสุนทรียศาสตร์ มักประกอบด้วยเนื้อหาสาระเก่ียวกับศิลปะ
ของแต่ละวัฒนธรรมท่ีมีอยู่อย่างหลากหลาย ล้วนมีการเคล่ือนย้าย ถ่ายเท และหยิบยืมกันไปมาระหว่าง
วัฒนธรรมอยู่ตลอดเวลา และในแนวทางการศึกษาปัญหาของสุนทรียศาสตร์น้ัน ในสารานุกรมปรัชญา
Macmillan Publishing (1972) ได้อธบิ ายไว้ว่า จดุ เริม่ ต้นทีม่ ีการตัดสินปัญหาทางสุนทรียะน้นั น่าจะอยู่
ที่กรีก โดยนับจากประโยคที่ปรากฏในมหากาพย์ อีเลียด (Iliad) ของกวีเอกโฮเมอร์ (Homer) ซ่ึงได้
พรรณาความถึงภาพทอี่ ยู่บนตราประจ�ำตระกลู ของ อคลิ ลสิ (Achilles) วา่ “That was a marvelous
piece of work” (Iliad xviii, 548) แปลความไดว้ า่ “มนั ชา่ งเปน็ ผลงานทน่ี า่ อศั จรรยย์ งิ่ นกั ” จากประโยค
ดงั กลา่ ว เราจงึ ถือเอาวา่ เป็นจุดเริ่มตน้ ของปัญหาทางสุนทรียศาสตร์ท่สี �ำคัญ ซึ่งประกอบด้วยปญั หาอ่นื ๆ
ตามมาอีก ได้แก่ ปัญหาเรื่องการเลียนแบบ (mimesis) ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์
(appearance) กับความเป็นจริง (reality) หรือปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงท่ีเลียนแบบหรือ
จนิ ตภาพกบั สิ่งทถี่ ูกเลียนแบบของพลาโต้ เปน็ ต้น