Page 107 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 107
ความส ุขมวลร วมประชาชาติ 11-55
3.3 ปรบั ก ระบวนการพ ฒั นาจ าก “บนลงล ่าง” มาเป็นจาก “ล่างขนึ้ บน” ยึดหลัก “การม ีส่วนร่วมของ
ประชาชน” ในกระบวนการพัฒนาและตัดสินใจ
3.4 พัฒนาอย่างเป็นไปตามลำดับข้ันตอน เริ่มต้นจากการพึ่งตนเองให้ได้ก่อน แล้วจึงพัฒนาไปสู่การ
รวมกลุ่มพึ่งพากันและกัน และสร้างเครือข่ายการพัฒนาเชื่อมโยงสู่ภายนอกเพื่อความสุขและความเจริญก้าวหน้าใน
ลำดับต ่อไป ซึ่งเป็นแ นวทางท ี่ส อดคล้องก ับแ นวค วามค ิดก ารส ร้างค วามส ุขท ี่ม ีห ลายร ะดับ เริ่มต ั้งแต่ร ะดับบ ุคคลแ ละ
สามารถขยายไปส ู่ค รอบครัว ชุมชน สังคม เพื่อส ร้างส ังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างย ั่งยืนได้
หลกั การจ ัดท ำดัชนชี ้ีวัดค วามอ ยเู่ ย็นเป็นสขุ ร ว่ มก ันข องสงั คมไทย
สำนักงานค ณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและส ังคมแ ห่งชาติได้พ ัฒนาดัชนีช ี้วัดค วามอยู่เย็นเป็นสุขร่วม
กันของสังคมไทยภายใต้กรอบแนวคิดพื้นฐานในการวัด “ความสุข” ดังกล่าวข้างต้น โดยการพัฒนาดัชนีชี้วัดความ
อยู่เย็นเป็นสุขร ่วมกันของส ังคมไทยได้ย ึดหลักก ารจัดทำ 5 ประการท ี่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. ดำเนินการบนพื้นฐานของกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การพัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่เย็น
เป็นสุขร่วมกันของสังคมไทยเริ่มด้วยการให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญและยอมรับที่จ ะใช้ “ความสุข” เป็นค่าน ิยมร่วม
โดยให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องในกรอบความคิดและนิยามความสุขที่ตรงกันก่อน แล้วจึงสร้างตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงค่านิยม
การก ำหนดนโยบาย รวมทั้งก ารติดตามประเมินผลนโยบาย พร้อมทั้งใช้กระบวนการพ ัฒนาดัชนีเป็นเครื่องมือในการ
ขับเคลื่อนแ ละส ร้างเครือข ่ายในท ุกภ าคส ่วน เพื่อก ระตุ้นใหต้ ระหนักแ ละเปลี่ยนว ิธคี ิดแ ละค ่าน ิยมข องค นในส ังคม เกิด
เป็นคุณค่าใหม่ในการสร้างค วามอยู่เย็นเป็นสุขในสังคมไทย
2. สามารถสะท้อนถึงที่มาของความสุข ซึ่งมีที่มาได้ 2 ทาง คือ ความสุขภายใน เป็นความสุขที่เกิดขึ้น
ภ ายในจ ิตใจ ไมไ่ดข้ ึ้นอ ยูก่ ับก ารม หี รือไม่มปี ัจจัยภ ายนอกโดยตรง มักจ ะเป็นค วามส ุขในร ะดับจ ิตแ ละป ัญญา ประกอบ
ด้วย ความสุขจ ากก ารม ีอ ิสรภาพ ความภ าคภ ูมิใจ ความดีง าม ความส งบ เป็นต้น และ ความสุขภ ายนอก มักจ ะส ัมพันธ์
กับป ัจจัยต ่างๆ ในก ารด ำรงช ีวิต ความส ัมพันธร์ ะหว่างม นุษยด์ ้วยก ันแ ละป ัจจัยท างส ิ่งแ วดล้อม ประกอบด ้วย ความส ุข
จากการม ีปัจจัยส ี่ที่พ อเพียง การม ีความมั่นคงในช ีวิต การม ีครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง และส ิ่งแวดล้อมที่ด ี
3. ความอ ยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ในส งั คมไ ทยค วรก ำหนดจ ากป จั จยั ท ค่ี นส ว่ นใหญใ่ นส งั คมย อมรบั ร ว่ มก นั และส ามารถ
วดั ผลไ ดเ้ ปน็ ร ปู ธ รรมอ ยา่ งต อ่ เนอื่ งเนือ่ งจากค วามส ขุ ท ยี่ ัง่ ยนื จ ะต อ้ งเปน็ ค วามส ขุ ท เี่ กดิ ข ึน้ ท ัง้ ในร ะดบั ป จั เจกบคุ คลแ ละ
ครอบครัว ระดับช ุมชน และระดับสังคม ซึ่งแ ตกต่างก ันตามวัฒนธรรมและว ิถีชีวิตของชุมชน ดังนั้น การจ ัดท ำด ัชนีช ี้
วัดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันของสังคมไทยจึงควรพัฒนาจากปัจจัยที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยอมรับร่วมกันว่า มีผล
ต่อความอยู่เย็นเป็นสุข เช่น หลักความเป็นธรรมท างเศรษฐกิจแ ละสังคม หลักธรรมาภิบ าล รวมถึงก ารสะท้อนคุณค่า
ของป ัจจัยที่ม ีอิทธิพลต ่อว ิถีช ีวิตข องค นที่เชื่อมโยงก ัน ทั้งท ุนม นุษย์ ทุนทรัพยากรธรรมชาติและนิเวศ ทุนว ัฒนธรรม
ทุนส ังคม และท ุนเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ส มดุล เป็นธ รรม และย ั่งยืนร ะยะยาว ซึ่งเป็นการวัดท ี่ชัดเจน เป็น
รูปธรรม และส ามารถบอกได้ในเชิงปริมาณ โดยใช้ข้อมูลที่มีการจ ัดเก็บอ ย่างเป็นร ะบบ เพื่อให้สามารถว ัดผลได้อย่าง
ต่อเนื่อง
4. การพัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขเป็นการสะท้อนเฉพาะเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนา โดยจะ
พิจารณาเชื่อมโยงถึงวิธีการต่างๆ ที่จะส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายความอยู่เย็นเป็นสุขด้วย ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งผลการ
พัฒนาและกระบวนการ วิธีการพัฒนาที่เป็นปัจจัยซึ่งนำไปสู่เป้าหมายของความสุขขั้นสุดท้ายที่กำหนดไว้ โดยการ
พัฒนาควรคำนึงถ ึงต ัวชี้วัดความส ุขทั้งในเชิงป ริมาณและคุณภาพ
5. การพ ฒั นาด ชั นชี วี้ ดั ค วามอ ยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ท งั้ ในร ะดบั ป ระเทศและร ะดบั เมอื ง-ชนบท โดยร ะดับส ังคมไทย
จะต้องสามารถนำไปใช้กำหนดและปรับทิศทางการพัฒนาประเทศและนโยบายสาธารณะ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการ
ลิขสิทธ์ิของมหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช