Page 195 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 195
การค้า การลงทุน และการเงินระหว่างประเทศกับจริยธรรม 14-15
ตารางท ่ี 14.3 ตน้ ทนุ ค่าเสยี โอกาสในก ารผลติ สินค้า 1 หน่วย
ขา้ ว ผ้า
ประเทศ ก. 12/24 = 1/2 หน่วยของผ้า 24/12 = 2 หน่วยของข้าว
ประเทศ ข. 8/4 = 2 หน่วยของผ้า 4/8 = 1/2 หน่วยของข้าว
ต้นทุนค่าเสียโอกาส (opportunity cost) ในการผลิตข้าว 1 หน่วยสำหรับประเทศ ก. เท่ากับ 1/2 หน่วย
ของผ ้า ส่วนต ้นทุนค่าเสียโอกาสในการผ ลิตข้าว 1 กิโลกรัมสำหรับป ระเทศ ข. เท่ากับ 2 หน่วยข องผ้า จากล ักษณะ
ดังกล่าวจึงสรุปได้ว ่า ประเทศ ก. มีค วามได้เปรียบโดยเปรียบเทียบในก ารผลิตข้าว ดังน ั้นจึงควรผลิตแ ละส่งออกข ้าว
ส่วนประเทศ ข. มีค วามได้เปรียบโดยเปรียบเทียบในการผ ลิตผ้า ดังน ั้นจ ึงควรผลิตแ ละส่งออกผ ้า
1.3 ทฤษฎีเฮคเชอร์-โอลิน (Heckscher-Ohlin Theory) ระบุว่า ประเทศจะส่งออกสินค้าที่ใช้ปัจจัยการ
ผลิตที่มีมาก (โดยเปรียบเทียบ) ในประเทศและนำเข้าสินค้าที่ในการผลิตต้องใช้ปัจจัยที่ประเทศนั้นๆ ขาดแคลน
(โดยเปรียบเทียบ) หรือมีราคาสูง จากทฤษฎีดังกล่าวประเทศที่มีแรงงานมากโดยเปรียบเทียบจะผลิตและส่งออก
สินค้าที่ใช้แรงงานมากโดยเปรียบเทียบ (relatively labor-intensive commodity) และนำเข้าสินค้าที่ใช้ทุนมาก
โดยเปรียบเทียบ (relatively capital-intensive commodity) จากทฤษฎีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าพิจารณาที่ด้านการ
ผลิตเป็นห ลักแ ละให้ความสำคัญก ับป ัจจัยก ารผลิตท ี่แต่ละประเทศม ีอยู่
1.4 ทฤษฎีวงจรชีวิตของสินค้า (Product Cycle Theory) เป็นทฤษฎีที่อธิบายการค้าระหว่างประเทศที่มี
พื้นฐานมาจากความแตกต่างทางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ทฤษฎีวงจรชีวิตของสินค้า
เป็นท ฤษฎีท ี่พัฒนาโดย เรย์ม อน เวอร์น อน (Raymond Vernon) โดยทฤษฎีว งจรช ีวิตข องส ินค้าร ะบุว่า ในช่วงแรก
ธุรกิจจะผลิตสินค้าภายในประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีและส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ธุรกิจจะขยาย
กิจการไปผลิตยังต่างประเทศก็ต่อเมื่อสินค้าหลักที่ธุรกิจทำการผลิตอยู่ถึงจุดอิ่มตัวในตลาดภายในประเทศ ซึ่งแบบ
จำลองประกอบด้วยประเทศใน 3 กลุ่มคือ ประเทศผู้พัฒนาสินค้า (innovating country) ประเทศผู้เลียนแบบ
(imitating country) และประเทศกลุ่มท ี่เป็นลูกค ้าอ ื่นๆ โดยรายล ะเอียดดังนี้
ระยะที่ 1 ช่วงการพัฒนาสินค้าใหม่ (new-product phase) ในช่วงที่เริ่มการผลิตสินค้าใหม่ โดยปกติ
มีความต้องการใช้แรงงานที่มีทักษะสูงในช่วงดังกล่าว การผลิตจึงเกิดขึ้นในประเทศที่ทำการคิดค้นพัฒนาสินค้า ซึ่ง
โดยทั่วไปม ักจะเป็นประเทศที่พ ัฒนาแ ล้ว และม ีก ารผ ลิตเพื่อจำหน่ายภ ายในป ระเทศเท่านั้น
ระยะท ่ี 2 ชว่ งการเติบโตข องยอดข ายสินคา้ (product-growth phase) ในระยะท ี่สอง การผ ลิตส ามารถ
ทำได้อย่างสมบูรณ์ในประเทศที่พัฒนาส ินค้า และมีการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ ซึ่งในขั้นตอนนี้ยังไม่มีการผลิตเกิดขึ้นในต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ผลิตภายใน
ประเทศท ี่พัฒนาสินค้าเป็นเพียงผ ู้เดียวที่ผ ลิตสินค้าออกมาข าย ทำให้ผ ู้ผลิตดังกล่าวม ีอำนาจผูกขาดเหนือต ลาด
ระยะท่ี 3 ช่วงที่สินค้าเติบโตเต็มท่ี (product-maturity phase) สินค้าในระยะดังกล่าวอยู่ในช่วงที่
เติบโตเต็มที่แล้ว มีกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐาน และบริษัทผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเห็นว่าบริษัทจะได้กำไร
มากกว่าหากมีการอนุญาตให้ (licensing) ให้บริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในประเทศหรืออยู่ในต่างประเทศใช้สิทธิและเป็น
ผู้ผลิตส ินค้า ดังนั้นจ ะเริ่มมีก ารผลิตสินค้าดังก ล่าวในต่างป ระเทศเพื่อการบ ริโภคของต ลาดภายในป ระเทศน ั้นๆ
ระยะท ี่ 4 ชว่ งท ม่ี กี ารผ ลติ ส นิ คา้ ในป ระเทศล ดล ง (product-decline phase (1)) ในระยะนี้ประเทศผ ูเ้ลียน
แบบม ีค่าแรงแ ละต ้นทุนอื่นๆ ที่ถูกล งจนส ามารถท ำการผ ลิตท ี่เป็นร ะบบแ ละเป็นม าตรฐาน (standardized) และไม่
ลขิ สทิ ธ์ิของมหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช