Page 211 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 211
การค้า การลงทุน และการเงินระหว่างประเทศกับจริยธรรม 14-31
นอกจากนี้ ในกรณีของการโจมตีค่าเงินบาทของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2540 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ต้องนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้พยุงค่าเงินบาท จนในที่สุดต้องมีการปล่อยให้ค่าเงินบาทลอยตัว มีการ
กล่าวอ้างว่าโซรอสเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีค่าเงินครั้งดังกล่าว ซึ่งการดำเนินธุรกิจโดยมีการทำกำไรจากการ
ค้าเงิน ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศที่ถูกโจมตีค่าเงิน และนำมาซึ่งภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ
ของประเทศเหล่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ดังก ล่าวทำให้เกิดผ ลกระทบต ่อทั้งระบบเศรษฐกิจของประเทศ ภาคธ ุรกิจ รัฐบาล
ความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศนั้นๆ รวมถึงมีผลกระทบทางด้านสังคมที่เกิดขึ้นตามมาด้วย นอกจากนี้ เมื่อ
เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจแต่ละครั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังลุกลามไปยังประเทศอื่นที่เกี่ยวข้องและใช้เวลาในการ
ฟื้นต ัวเป็นเวลาน าน
2. วกิ ฤตการเงนิ ส หรัฐอเมรกิ า
การเงินระหว่างประเทศในปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกันเพิ่มมากขึ้น การเกิดปัญหาวิกฤตการเงินในประเทศ
ใดประเทศหนึ่งสามารถส่งผลไปยังประเทศที่เกี่ยวข้องได้ง่าย ดังเช่นในกรณีของวิกฤตการเงินสหรัฐอเมริกาที่ส่ง
ผลกระทบไปย ังป ระเทศที่เกี่ยวข ้องอื่นๆ ในโลก
ในช ่วงป ี พ.ศ. 2545-2549 ภาคอ สังหาริมทรัพย์ข องอ เมริกาอ ยู่ในภาวะฟองส บู่ ชาวอเมริกันม ีพฤติกรรมใน
การซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไรมากกว่าการซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัย เกิดการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันหลายปี นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงยังมีส่วนทำให้สภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น
และมีคนซ ื้อบ ้านเพิ่มม ากขึ้น
อีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ สถาบันการเงินมีส่วนสนับสนุนให้ภาวะฟองสบู่มีการขยายตัว โดยได้ขยายสินเชื่อ
บ้านที่มีความเสี่ยงสูง หรือลูกค้าที่มีคุณสมบัติต่ำกว่าเกณฑ์ (subprime) ซึ่งหมายถึง ลูกค้าที่ไม่มีรายได้เป็นหลัก
แหล่งและมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี สถาบันการเงินต่างๆ แข่งกันปล่อยกู้ให้ลูกค้ากลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง โดยคน
กลุ่มนี้กู้ยืมเงินมาซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร ในกรณีที่ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นลูกหนี้มีความสามารถในการจ่ายหนี้ หากแต่ใน
ช่วงท ี่ผ่านม า ราคาบ้านไม่ได้ป รับขึ้น แต่ปรับลงอ ย่างต ่อเนื่อง ทำให้ม ูลค่าหนี้สูงกว่าร าคาป ระเมินของบ้าน ลูกค้าเริ่ม
ไม่จ่ายหนี้ ทำให้เกิดหนี้เสีย
ในขณะเดียวกัน สถาบันการเงินสามารถสร้างสภาพคล่องทางการเงินโดยนำสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไป
ขายให้นักลงทุนในลักษณะของการแปลงสินทรัพย์ไปเป็นหลักทรัพย์ (securitization) และนำไปแบ่งออกเป็นส่วน
ต่างๆ และน ำไปร วมกับหลักทรัพย์และตราส ารอื่นๆ ที่มีค วามเสี่ยงแ ละผลตอบแทนท ี่ต่างก ัน โดยอนุพันธ์ (deriva-
tive) ที่ถูกสร้างและนำออกม าขายอ ยู่ในร ูปของตราสารท ี่มีหนี้เป็นห ลักประกัน (Collateralized Debt Obligation:
CDO) ซึ่งมีการซื้อขายกันทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป โดยมีผู้ซื้อเป็นธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันชีวิต บริษัท
ป ระกันภัย กองทุนเก็งกำไร และประชาชนทั่วไป
การแปลงสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นตราสารที่มีหนี้เป็นหลักประกันนั้น ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ (2552)
ระบุว่าตราสาร/อนุพันธ์ดังก ล่าวม ีประเด็นที่ค วรพ ิจารณาด ังนี้
1. ตราสารดังกล่าวมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่มีคุณภาพต่ำ โดยในหลายกรณีนี้คือ สินเชื่อภาคอสังหาริม-
ทรัพย์ที่มีคุณภาพต่ำหรือซับไพรม์ และสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพเกือบดี โดยหากราคาบ้านเพิ่มขึ้น จะ
ทำให้มั่นใจได้ว่าหลักทรัพย์ค้ำประกันมีมูลค่าสูงเกินพอที่จะใช้คืนหนี้ และธนาคารได้ลดความเสี่ยงโดยการแปลง
สินเชื่อเป็นหลักทรัพย์ให้ผู้อื่นอีกต่อ หากแต่เมื่อการขายบ้านลดลง ราคาบ้านปรับลดลง ทำให้มีความเป็นห่วงว่า
หลักท รัพย์ค้ำประกันจะไม่เพียงพ อต่อก ารค้ำประกันส ินเชื่อ
ลขิ สทิ ธ์ิของมหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช

