Page 77 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 77
ความส ุขม วลร วมป ระชาชาติ 11-25
และว ัฒนธรรม ในด ้านการท่องเที่ยวซ ึ่งเป็นแหล่งร ายได้ของประเทศ ภูฏานได้มีนโยบายจ ำกัดจ ำนวนน ักท ่องเที่ยวใน
แต่ละปี และน ักท่องเที่ยวแต่ละค นต ้องเสียภ าษีท ่องเที่ยวว ันละ 200 ดอลลาร์ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้จ ำนวนนักท ่องเที่ยวม าก
เกินไปจ นส ่งผลทำลายสภาพแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติข องประเทศ
การพัฒนาใดๆ ไม่ว่าจ ะมาจากร ัฐบาล หรือภ าคเอกชน หรือประเพณีท้องถ ิ่น หรือจากป ัจเจกบุคคล จะต้อง
ไม่ท ำลายค วามส มดุลร ะหว่างม นุษย์ก ับธ รรมชาติ ประเทศภ ูฏานจ ึงได้ร ับก ารย กย่องจ ากส หประชาชาติว ่า เป็นป ระเทศ
แนวหน้าในด้านก ารอนุรักษ์ส ิ่งแ วดล้อม โดยมีพื้นที่ป่าม ากกว่าร ้อยล ะ 70 ของพื้นที่ประเทศ และม ีความห ลากหลาย
ทางชีวภาพในร ะดับสูง
เสาห ลักข อ้ ท สี่ าม การอ นรุ ักษ์แ ละส ่งเสรมิ วฒั นธรรม เป็นสิ่งท ี่สำคัญยิ่ง เพราะค ุณค่าของม นุษย์ เช่น ความ
เมตตากรุณา ความม ีน ้ำใจ ความอ ่อนโยน ความเสียส ละ ความอ่อนน้อมถ ่อมต น การร ู้จักให้อ ภัย การร ักษาเกียรติแ ละ
ศักดิ์ศรีของต นเอง เป็นต้น กำลังถ ูกก ัดกร่อนจากค วามโลภ อันเนื่องมาจ ากล ัทธิบริโภคน ิยม ดังนั้น คุณค่ามนุษย์จ ึง
เป็นอ งค์ประกอบสำคัญท ี่ช่วยให้ส ังคมม ีค วามห มาย มีความเอื้ออ าทรต ่อก ัน และท ำให้สังคมสามารถดำรงอ ยู่ร ่วมกัน
ได้อ ย่างสันติ
วิถีชีวิตข องช าวภูฏานโดยทั่วไปจะค ่อนข้างเรียบง ่าย ปลูกบ ้านห ลังเล็กๆ กระจายไปตามภูเขา อยู่กันแ บบพ อ
อยู่พอก ิน เน้นก ิจกรรมด ้านศาสนา เช่น การส วดม นต์ การประกอบพิธีกรรมต่างๆ ยังมีอยู่มาก และป ระเพณีสำคัญ
อย่างหนึ่งที่ชาวภูฏานยังคงอนุรักษ์ไว้จนถึงยุคปัจจุบัน คือ ทุกครอบครัวจะให้ลูกชายคนเล็กไปอยู่กับพระเพื่อเรียน
หนังสือตั้งแต่อ ายุ 8 ขวบจนถึงอ ายุ 20 ปี จากน ั้นค่อยตัดสินใจอีกค รั้งว ่าจะเป็นพ ระต ่อไป หรือจะออกมาใช้ชีวิตเป็น
ฆราวาส ซึ่งเด็กช ายจ ำนวนมากก็เลือกท ี่จ ะเป็นพระไปต ลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้ ความใกล้ช ิดระหว่างป ระชาชนช าวภ ูฏาน
กับศาสนาจึงมีม าก
ประเทศภ ูฏานได้ให้ค วามส ำคัญก ับก ารอ นุรักษ์แ ละส ่งเสริมว ัฒนธรรม เช่น การก ่อสร้างอ าคารบ ้านเรือนข อง
ประชาชนต้องใช้สถาปัตยกรรมดั้งเดิม ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ นอกจากนี้ ทุกบ้านใน
ภูฏานจะต้องมีห ้องพระหรือห้องสวดมนต์เพื่อป ระกอบกิจกรรมท างศ าสนา โดยชาวภูฏานจ ะส วดม นต์ท ุกว ัน และม ัก
พกก ระบอกม นต์ ซึ่งเป็นว งล้อท รงกระบอก มีแกนหมุนได้ โดยจ ะมีก ารจ ารึกม นต์ไว้บนก ระบอก เมื่อหมุนกระบอก
มนต์ครบ 1 รอบ ก็ถือว่าได้บ ุญเหมือนกับก ารส วดมนต์ 1 จบ จึงส ามารถพบเห็นผู้คนน ำมาห มุนอ ยู่เสมอ หรือบ างบ้าน
จะม ีก ารนำก ระบอกมนต์ต ิดไว้บ นห ลังคาบ ้านเพื่อให้แ รงล มพ ัดให้ห มุน เหมือนเป็นการสวดม นต์ต ลอดเวลา สิ่งเหล่านี้
ทำให้ภ ูฏานสามารถคงค วามเป็นเอกลักษณ์ท างวัฒนธรรมไว้ได้
ดังน ั้น ประเทศภ ูฏานจ ึงให้ค วามส ำคัญกับว ัฒนธรรมว ่าเป็นป ัจจัยสำคัญในก ารข ับเคลื่อนร ูปแ บบก ารพ ัฒนา
โดยใช้ว ัฒนธรรมเป็นตัวห ล่อเลี้ยงส ังคมโดยย ึดหลักพ ุทธศาสนาท ี่ม ุ่งเน้นไปที่การทำความด ี
เสาหลักข้อที่ส่ี การมีธรรมาภิบาล เป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดในการนำพาประชาชนไปสู่ ความสุขมวลรวม
ประชาชาติ ประเทศทั้งหลายในโลกกำลังถูกแรงกดดันทั้งจากประชาชนท้องถิ่น และชุมชนระหว่างประเทศ ให้เข้าสู่
การปกครองแ บบประชาธิปไตยหรือ ธรรมาภิบาล
ประเทศภูฏานเชื่อว่าประชาธิปไตยจะนำมาซึ่งธรรมาภิบาล และเมื่อสังคมมีธรรมาภิบาลเป็นหลักยึดแล้ว
สังคมแห่งคุณธรรมจะนำมาซึ่งความสุขมวลรวมเอง ในเรื่องนี้ ประเทศภูฏานได้มีการกระจายอำนาจทางการเมือง
และการบริหารใน พ.ศ. 2534 และใน พ.ศ. 2541 พระราชาธิบดีจ ิกม ี ซิงเย วังชุก ได้ทรงล ดท อนพระร าชอำนาจ และ
ลดบทบาทในคณะรัฐมนตรี โดยพระองค์ทรงสละอำนาจส่วนใหญ่ให้กับนายกรัฐมนตรีคนแรกของภูฏานและออก
กฎหมายที่ย อมให้ร ัฐสภาโหวตถอดถอนพระมหาก ษัตริย์ออกจากอ ำนาจได้ด้วยคะแนนส องในสามของรัฐสภา ต่อม า
ใน พ.ศ. 2545 ภูฏานได้เริ่มให้ม ีก ารเลือกต ั้งร ะดับท ้องถ ิ่น รวมถ ึงใน พ.ศ. 2548 พระองค์ท รงร ิเริ่มก ารร ่างร ัฐธรรมนูญ
ฉบับแ รกข องป ระเทศ ใน พ.ศ. 2551 ได้ผ ่านก ระบวนการท ำป ระชาพ ิจารณ์ร อบส ุดท้ายแ ละจ ะป ระกาศใช้ ซงึ่ ต อนห นง่ึ
ลขิ สทิ ธิข์ องมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช