Page 16 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 16

9-6 ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยีส�ำ หรับนกั นเิ ทศศาสตร์
       ขณะท่ี ปิยวรรณ แสงสวา่ ง และสุพณั ณี ชวนสนทิ (2540) ไดแ้ บ่งความหมายของวิทยาศาสตร์

ออกเป็น 2 นัยยะ โดย นัยยะแรก คือ กระบวนการคิดค้นหาเหตุผลอย่างเป็นระบบที่เช่ือถือได้ ซึ่งอาจ
เรยี กว่าเปน็ ฐานที่เป็นกระบวนการ หรือ Science as a Process และอีกนัยยะ คอื องค์ความรูท้ เ่ี กยี่ วกับ
กฎเกณฑ์และความจริงที่มนุษย์ค้นพบ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และน�ำมาประมวลไว้เป็น
หมวดหมเู่ พอ่ื ใหค้ นรนุ่ หลงั ไดศ้ กึ ษาหรอื นำ� ไปใชป้ ระโยชนต์ อ่ ไป ซงึ่ เรยี กวา่ เปน็ องคค์ วามรสู้ ากลของมนษุ ย์
ทั้งหลาย ดงั นั้นวิทยาศาสตร์ตามนัยยะนีเ้ รยี กวา่ เป็น ผลผลติ ทางการคดิ ค้นของมนุษย์หรอื Science as
a product

       ทั้งนี้ วิทยาศาสตร์มีลักษณะเป็นการแสวงหาความรู้โดยใช้เหตุผลในหาข้อสรุปของสิ่งท่ีเกิดข้ึน
โดยหลักเหตุผลท่ีน�ำมาพิจารณาจะต้องเป็นเรื่องจริง เพ่ือน�ำไปสู่การลงข้อสรุปที่ถูกต้องตามมา นอกจาก
นย้ี งั มลี กั ษณะเปน็ สากล เนอื่ งจากความรทู้ างวทิ ยาศาสตรเ์ กดิ ขนึ้ มาจากการสงั เกตธรรมชาติ การวเิ คราะห์
วิจัย ซ่ึงถ้าหากจะอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดข้ึนในที่แห่งใดในโลกก็เกิดข้ึนด้วย
หลักเดียวกัน วิทยาศาสตร์จึงไม่ได้ถูกจ�ำกัดด้วยเวลา สถานที่และวัฒนธรรม (ถนัด ศรีบุญเรือง, 2541:
100)

       จากขา้ งตน้ สรปุ ไดว้ า่ วทิ ยาศาสตร์ หมายถงึ ความรทู้ ไ่ี ดม้ าจากการศกึ ษาปรากฏการณธ์ รรมชาติ
โดยผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการสังเกต การต้ังสมมติฐาน และการทดลองอย่าง
มีระเบียบแบบแผนเพ่ือค้นหาค�ำตอบและน�ำความรู้ท่ีได้มาจัดเป็นหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ แตกตา่ ง
จากความเช่ือทางไสยศาสตร์หรือความเช่ืองมงายท่ีไม่สามารถพิสูจน์ได้ซึ่งเป็นเพียงแค่เป็นการกล่าวอ้าง
ขน้ึ มาเท่านน้ั ยกตวั อย่างเช่น เร่อื งยาผีบอก ท่มี ีการอ้างสรรพคณุ ในการรักษาโรคตา่ งๆ ทวา่ เมื่อมกี าร
พิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว พบว่ายาเหล่าน้ีกลับส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้ ท�ำให้อาการป่วย
ยํา่ แย่ลงไปมากกวา่ เดมิ เปน็ ตน้ ทงั้ น้ี กฎและทฤษฎที างวิทยาศาสตร์ทตี่ ั้งไวส้ ามารถเปลีย่ นแปลงได้หาก
มีการคน้ พบความรูใ้ หมๆ่ มาลบลา้ ง วิทยาศาสตร์จงึ เปน็ ความรทู้ ไ่ี ม่มีวันสน้ิ สุด มกี ารคิดค้นและแสวงหา
ความรใู้ หมอ่ ยตู่ ลอดเวลา โดยความรดู้ งั กลา่ วนจี้ ะถกู นำ� มาใชพ้ ฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของมนษุ ยใ์ หม้ คี วามเปน็
อยทู่ ่ีดยี ่ิงขน้ึ

       ในขณะที่ เทคโนโลยี หมายถงึ การนำ� ความรทู้ างวทิ ยาศาสตรม์ าประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กดิ ผลผลติ ในดา้ น
ต่างๆ เพ่อื สนองเป้าหมายเฉพาะตามความต้องการของมนษุ ย์ (ทวี หอมชง, 2545: 9; ถนดั ศรีบญุ เรือง,
2541: 1) เทคโนโลยีไม่จ�ำเป็นตอ้ งจำ� กดั อยู่เพียงแคอ่ ปุ กรณ์ เครือ่ งมอื หรือเคร่อื งใชต้ ่างๆ ทถ่ี กู ผลิตคิดคน้
ขนึ้ เทา่ นน้ั ทวา่ ยงั รวมไปถงึ กระบวนการผลติ ทน่ี ำ� มาใชใ้ นการพฒั นาสง่ิ ตา่ งๆ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการ
ของมนษุ ย์ สอดคลอ้ งกบั ที่สุนนั ท์ บรุ าณรมย์ และคณะ (2542: 20) ให้ความหมายของ เทคโนโลยี วา่
เป็นความรูท้ างเทคนิคหรือกระบวนการผลิต การสรา้ ง หรอื การท�ำสงิ่ ต่างๆ เพ่อื ให้เกดิ ประโยชน์แกส่ งั คม
เศรษฐกิจ การเมืองและอ่ืนๆ ทั้งน้ีเทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิทยาศาสตร์
บริสทุ ธิ์อยา่ งหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้

       เฮนิช, โมเลนดา และรัสเซลล์ (Heinich, Molenda and Russell) ซ่ึงอ้างถึงในเว็บไซต์ของ
มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (2557) ไดแ้ บ่งเทคโนโลยอี อกเป็น 3 ลักษณะ คือเทคโนโลยี
ในลักษณะของกระบวนการ เทคโนโลยีในลักษณะของผลผลิต และเทคโนโลยีในลักษณะผสมของ
กระบวนการผลติ และผลผลติ ดงั นี้
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21