Page 18 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 18

9-8 ความรทู้ างสังคมศาสตร์และเทคโนโลยสี �ำ หรับนกั นิเทศศาสตร์
       ดงั นนั้ เพอ่ื ใหก้ ารนำ� เทคโนโลยมี าใชใ้ หถ้ กู ตอ้ งและเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ กอ่ สวสั ดพิ าณชิ ย์ (อา้ งถงึ ใน

เวบ็ ไซตม์ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี (2557)) ไดเ้ สนอแนะวา่ การนำ� เทคโนโลยมี าใชจ้ ำ� เปน็
อยา่ งย่ิงทต่ี ้องพิจารณาถงึ หลักสำ� คญั 3 ประการ ไดแ้ ก่ ประสทิ ธภิ าพ ประสิทธิผล และประหยัด

       1)	 ประสิทธิภาพ (Efficiency) คือ เทคโนโลยีที่น�ำมาใช้จะช่วยให้การท�ำงานบรรลุผลตาม
เป้าหมายได้อย่างเท่ียงตรงและรวดเร็วเช่น การน�ำเทคโนโลยีมาช่วยให้พยากรณ์อากาศหรือคาดการณ์
การเกิดภัยพิบตั ิทางธรรมชาติ เปน็ ต้น

       2)	 ประสิทธิผล (Productivities) คือ การน�ำเทคโนโลยีมาช่วยในการท�ำงานเพ่ือให้ได้ผลผลิต
ออกมาอยา่ งเตม็ ทม่ี ากทสี่ ดุ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธผิ ลสงู สดุ เชน่ การนำ� เทคโนโลยชี ว่ ยในการเพม่ิ ผลผลติ ใน
ภาคอุตสาหกรรมหรอื การเกษตร เปน็ ตน้

       3)	 ประหยัด (Economy) คือ การน�ำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยประหยัดท้ังในด้านแรงงานและ
เวลาในการท�ำงาน ด้วยการลงทุนที่น้อยแต่กลับได้ผลลัพธ์มากกว่าที่ลงทุนไป เช่น มีการน�ำเทคโนโลยี
หุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์เพ่ือลดต้นทุนการผลิตและท�ำงานในส่วนท่ีเป็นอันตรายกับ
มนุษย์ เปน็ ต้น

       ในปจั จบุ ันนอกเหนอื จากคำ� วา่ “เทคโนโลย”ี แลว้ ยังมีการใชค้ ำ� วา่ “นวัตกรรม” อย่างแพร่หลาย
ซึง่ ทงั้ สองค�ำนมี้ คี วามหมายใกล้เคยี งกัน แต่จะเน้นถึงความใหม่ ความแตกตา่ งจากส่งิ ทม่ี ีอยู่เดิมมากกว่า
ท้ังน้นี วัตกรรม (Innovation) หมายถงึ (1) การน�ำส่ิงใหม่ๆ อาจเปน็ แนวความคิด หรอื สิง่ ประดิษฐใ์ หม่ๆ
ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อน หรือ (2) เป็นการพัฒนาดัดแปลงจากของเดิมท่ีมีอยู่แล้วให้ทันสมัยและได้ผลดีมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้ด้วย (นวัตกรรมทางการ
ศกึ ษา, 2557) ดา้ นส�ำนกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สนช.) ได้นยิ ามนวตั กรรมไวว้ า่ “ส่งิ ใหมท่ ่ีเกิดจากการ
ใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม” และหมายรวมถึงสิ่งท่ีเกิดข้ึนจาก
ความสามารถในการใชค้ วามรู้ ความคดิ สรา้ งสรรค์ ทกั ษะ และประสบการณท์ างเทคโนโลยหี รอื การจดั การ
มาพัฒนาใหเ้ กดิ ผลติ ภัณฑ์หรอื กระบวนการผลติ หรอื บรกิ ารใหม่ (ส�ำนักนวตั กรรมแหง่ ชาต,ิ 2557)

       อยา่ งไรกด็ ี สง่ิ ใหมๆ่ ทน่ี ำ� เขา้ มาเพอ่ื พฒั นาการดำ� เนนิ งานของทๆี่ หนง่ึ ใหด้ ขี นึ้ นนั้ อาจเปน็ แนวคดิ
หรือความรู้เดิมของอีกที่หน่ึงก็ได้ กล่าวคือ ไม่ว่าวงการหรือส่วนงานใดๆ หากมีการน�ำเอาความ
เปล่ียนแปลงใหม่ๆ เข้ามาเพ่ือใช้ในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงการด�ำเนินงานให้ดีข้ึนกว่าเดิมน้ัน
เรียกว่าเป็นนวัตกรรมของวงการน้ันๆ เช่น การนำ� เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรม์ าใชส้ นับสนนุ ระบบการศึกษา
กเ็ รยี กว่า “นวตั กรรมการศกึ ษา” (Educational Innovation) เป็นตน้ (อรรคเดช โสสองช้ัน, 2551)

       วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด โดยเร่ิมต้นจาก
วิทยาศาสตร์ ที่เป็นความรู้ท่ีใช้อธิบายเหตุผลเกี่ยวกับส่ิงต่างๆ ท่ีเกิดขึ้น ซ่ึงมีลักษณะ “Know-Why”
คอื ตงั้ คำ� ถามวา่ ทำ� ไมสงิ่ นจ้ี งึ เกดิ ขนึ้ และมงุ่ แสวงหาค�ำตอบเพอ่ื มาอธบิ าย ขณะทเ่ี ทคโนโลยคี อื การน�ำเอา
ความรู้มาพัฒนาต่อยอดเพ่ือตอบสนองความต้องการในการด�ำเนินชีวิตของมนุษย์ซึ่งมีลักษณะเป็น
“Know-How” อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีที่เกิดข้ึนไม่จ�ำเป็นต้องมาจากความรู้ใหม่ แต่อาจพัฒนามาจาก
ความรู้ดั้งเดิมก็ได้ ส่วนนวัตกรรมคือการน�ำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้กับวิธีการด�ำเนินงานท่ีมีอยู่ให้มี
ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลเพม่ิ ขนึ้ ซงึ่ เราจะพบวา่ หากไมม่ อี งคค์ วามรแู้ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยีจะไม่สามารถสรา้ งสรรค์ “นวัตกรรม” ได้
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23