Page 23 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 23

ความรดู้ า้ นวิทยาศาสตรแ์ ละสง่ิ แวดล้อม 9-13
       ท้ังนี้ นักวิทยาศาสตร์ส�ำคัญในยุคน้ี ส่วนใหญ่เป็นนักวิทยาศาสตร์ท่ีมาจากอาณาจักรกรีกแทบ
ทงั้ สิน้ ไม่ว่าจะเป็น เทลสี แห่งไมเลตสุ (Thales of Milletus) ซ่ึงได้รับการยกย่องว่าเป็นนกั วิทยาศาสตร์
คนแรกของกรีกและมนุษยชาติ ด้านดาราศาสตร์และเรขาคณิต เอมเพโดคลีส (Empedocles) เจ้าของ
ทฤษฎธี าตุส่ี (Theory of Four Humours) ซ่งึ กลา่ ววา่ ส่งิ มีชวี ติ ประกอบดว้ ย ดิน นาํ้ ลม ไฟ ฮปิ โป
เครตีส (Hippocrates) บดิ าแหง่ การแพทย์ เพลโต (Plato) นกั ปรชั ญาผู้ท่สี นในในด้านคณติ ศาสตรแ์ ละ
ดาราศาสตร์ และอริสโตเติล (Aristotle) บิดาแห่งวิชาสัตววิทยา ธรรมชาติวิทยาและศาสตร์ด้านต่างๆ
เป็นต้น
       ตัวอย่างพัฒนาการของวิทยาศาสตร์สมัยโบราณ ได้แก่
       -	 มนษุ ยเ์ รยี นรกู้ ารใช้หินมาท�ำเครอื่ งมอื ตา่ งๆ
       -	 มนษุ ย์รจู้ ักการเพาะปลกู และเลีย้ งสัตว์เพอ่ื การดำ� รงชีวิตสร้างบ้านเรือนทอ่ี ยอู่ าศัย
       -	 ชาวอียิปต์คดิ คน้ การท�ำมัมมีศ่ พและสร้างพีระมิด
       -	 เทลสี แหง่ ไมเลตสุ (Thales of Milletus) นกั วทิ ยาศาสตรด์ า้ นดาราศาสตรแ์ ละเรขาคณติ คน
แรกของกรีก
       -	 เอมเพโดคลสี (Empedocles) เจา้ ของทฤษฎีธาตสุ ่ี (Theory of Four Humours)
       -	 ฮปิ โปเครตสี (Hippocrates) บดิ าแหง่ การแพทย์
       -	 อรสิ โตเตลิ (Aristotle) บดิ าแหง่ วชิ าสตั ววทิ ยา ธรรมชาตวิ ทิ ยาและศาสตรด์ า้ นตา่ งๆ ซงึ่ ถอื วา่
เปน็ หนง่ึ ในผวู้ างรากฐานของวทิ ยาศาสตรข์ องโลก
       จากตัวอย่างพัฒนาการของวิทยาศาสตร์ข้างต้น อาจกล่าวได้ว่า วิทยาศาสตร์ในยุคโบราณจะ
เกี่ยวข้องกับการด�ำรงชีวิตของมนุษย์มากกว่าที่จะเป็นองค์ความรู้ทางด้านวิชาการที่จะเกิดความอยากรู้
อยากเหน็ อยากเข้าใจ โดยการดำ� รงชวี ิตยังคงผันผวนไปตามธรรมชาตแิ วดล้อมโดยมนษุ ย์ยงั ไม่สามารถ
ปรบั ปรุงหรอื แกไ้ ขกลไกทีเ่ กดิ ขึน้ ในธรรมชาติได้ (วไิ ลลกั ษณ์ ตัง้ เจริญ, 2539: 23)

2. 	 วิทยาศาสตร์สมัยกลาง

       ชว่ งเวลาดงั กลา่ วนถี้ อื วา่ เปน็ ชว่ งเวลาทพ่ี ฒั นาการความรทู้ างดา้ นวทิ ยาศาสตรเ์ ขา้ สทู่ ง้ั ยคุ มดื และ
ยคุ รงุ่ เรือง ซง่ึ กลายมาเปน็ จดุ เปลีย่ นสำ� คัญทีน่ ำ� ไปสู่การพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ในยุคปจั จุบนั โดยในชว่ งแรก
เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 450-1700 จากปัญหาการรกุ รานดนิ แดนโดยอานารยะชน (Barbarian) ไปยังอาณาจักร
ทเี่ คยรุง่ เรอื งตา่ งๆ เชน่ อาณาจักรโรมัน สง่ ผลใหก้ ารศกึ ษาหาความรูต้ ่างๆ ตอ้ งหยุดชะงกั ไป กอปรกบั
ความเชื่อด้านทางศาสนาในยุคนั้นได้บังคับให้ผู้สนใจค้นคว้าด้านวิทยาศาสตร์ต้องจ�ำกัดความคิดและการ
ค้นคว้าตา่ งๆ กัน (วีรศักด์ิ อุดมโชค, 2541: 7)

       จนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 14 เข้าสู่ยุคของการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นยุครุ่งเรืองของ
วิทยาศาสตร์ โยฮนั กเู ตนเบิร์ก (Johann Gutenberg) ไดผ้ ลติ แท่นพิมพ์ ซ่ึงช่วยส่งเสรมิ ใหก้ ารเผยแพร่
ความรทู้ างดา้ นวทิ ยาศาสตรท์ �ำได้อยา่ งกวา้ งขวางมากย่งิ ขึ้น และในคริสต์ศตวรรษที่ 16-18 กถ็ อื เป็นยุค
แหง่ การปฏวิ ตั ทิ างวทิ ยาศาสตรส์ ยู่ คุ ใหม่ ภายใตก้ ารคน้ ควา้ พสิ จู นท์ ฤษฎตี า่ งๆ จนนำ� ไปสกู่ ารหกั ลา้ งและ
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28