Page 26 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 26
9-16 ความรทู้ างสงั คมศาสตร์และเทคโนโลยสี �ำ หรบั นกั นิเทศศาสตร์
กิจกรรม 9.1.2
จงยกตวั อยา่ งการคน้ พบที่ส�ำคญั ทางวทิ ยาศาสตร์ในสมัยกลางมาพอสงั เขป
แนวตอบกิจกรรม 9.1.2
สมัยกลางเป็นยุคท่ีวิทยาศาสตร์มีการพัฒนาโดยเฉพาะในศตวรรษที่ 14 ซึ่งมีนักประดิษฐ์
แทน่ พมิ พค์ นแรกของโลกคอื โยฮนั กเู ตนเบริ ก์ ทำ� ใหก้ ารเผยแพรว่ ทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวางมาก
ย่ิงขึ้น
เรื่องที่ 9.1.3
การแสวงหาความรู้และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สุนนั ท์ บรุ าณรมย์ และคณะ (2542: 32-37) กล่าวว่า วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบไปด้วย
2 ส่วน คือ ส่วนท่ีเป็นความรู้ (knowledge) คือความรู้ทั่วไปท่ีเกี่ยวกับธรรมชาติ การปรับตัวเพ่ือให้
อยู่รอด และความรสู้ าขาอน่ื ๆ อีกส่วนคอื กระบวนการ (process) ได้แก่ การตง้ั ปญั หา การต้ังสมมติฐาน
การตรวจสอบสมมตฐิ าน การวิเคราะห์ขอ้ มูล การแปลผลและการสรปุ ผลการทดลอง ความรู้นั้นไม่ไดเ้ กิด
มาได้เองแตจ่ ะตอ้ งมีวิธใี นการแสวงหาความรู้ ทัง้ น้ีแนวทางที่จะท�ำใหไ้ ด้มาซง่ึ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตรน์ ้ัน
จ�ำเป็นจะต้องอาศัยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบไปด้วยหลายทักษะด้วยกัน โดยใน
เรือ่ งน้จี ะกล่าวถึงการแสวงหาความรู้และทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่ส�ำคญั ดงั น้ี
1. การแสวงหาความรู้
ในอดีตการศึกษาหาความรู้ของมนุษย์จะเป็นไปอย่างง่ายๆ เช่น การลองผิดลองถูกและบางครั้ง
การไดม้ าของความรนู้ น้ั กเ็ กดิ จากความไมต่ งั้ ใจ กระบวนการแสวงหาความรขู้ องมนษุ ยใ์ นสมยั โบราณ แม้
จะเป็นวิธีท่ีไม่มีระบบแบบแผน ใช้วิธีง่ายๆ ในการได้มาซ่ึงความรู้ ความจริง แต่ก็ท�ำให้ได้ความรู้ใหม่
เหมอื นกนั และสามารถนำ� ความรมู้ าใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การดำ� รงชวี ติ ได้ กระบวนการแสวงหาความรมู้ ี
อยู่หลายวิธี แต่ละวิธีมขี อ้ ดขี อ้ ด้อยแตก่ ต่างกันไป รายละเอียดดงั นี้
1.1 ความบังเอิญ (By Chance) เปน็ ความรู้ทไ่ี ด้มาโดยไม่เจตนา ไม่ต้งั ใจ ไม่คาดคดิ มาก่อน ส่งิ
ประดษิ ฐ์ หรือ การคน้ พบทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในยุคแรกๆ หลายคร้งั ก็เกดิ จากความบังเอญิ เช่น
การค้นพบยาเพนซิ ลิ นิ โดย อเล็กซานเดอร์ เฟลมม่งิ เม่ือประมาณ 80 ปีมาแลว้ โดยเขาได้สงั เกตเห็นว่า
มีเชื้อราแปลกๆ เจริญอยู่บนจานเพาะเช้ือท่ีเขาทิ้งเอาไว้ และรอบๆ เชื้อรานี้ไม่มีการเจริญเติบโตของ