Page 53 - เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
P. 53
การรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ 10-43
เร่ืองท่ี 10.3.1
พัฒนาการนโยบายการค้าและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของไทย
ตัง้ แต่ พ.ศ. 2504 เปน็ ต้นมา นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งมี
นยั สำ� คญั กลา่ วคอื มกี ารเปลยี่ นแปลงจากนโยบายปกปอ้ งการคา้ ทตี่ ง้ั กำ� แพงภาษสี นิ คา้ นำ� เขา้ ไวส้ งู มาเปน็
นโยบายการค้าท่ีมีลักษณะเปิดเสรีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยต้ังแต่ช่วงเวลาดังกล่าวถึงปัจจุบันมีการก�ำหนด
นโยบายการค้าทแ่ี ตกต่างกันโดยแบ่งออกไดเ้ ปน็ 5 ระยะ ตามงานวิจัยของ Wignaraja และคณะ (2010)
และ Kohpaiboon and Jongwattanakul (2014) ดังน้ี
ระยะแรก (พ.ศ. 2504–2524) เปน็ ชว่ งทปี่ ระเทศไทยเปลยี่ นแปลงนโยบายจากการผลติ เพอื่ ทดแทน
การนำ� เขา้ (Import Substitution) มาเป็นการผลติ เพ่อื การสง่ ออก (Export-Led Growth) ในช่วงต้น
เปน็ ชว่ งท่ปี ระเทศไทยเร่ิมใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติฉบบั ที่ 1–2 (พ.ศ. 2504–2514) โดย
มจี ุดมงุ่ หมายคอื การผลิตสนิ ค้าอตุ สาหกรรมเพ่อื ทดแทนการนำ� เขา้ ดงั นัน้ เพ่อื ปกป้องอุตสาหกรรมภายใน
ประเทศจงึ พบวา่ ในช่วงเวลาที่ใชแ้ ผนพฒั นาฯ ทงั้ สองฉบับมีการตั้งก�ำแพงภาษสี ินค้าน�ำเข้าอยู่ในระดบั สูง
นอกจากนน้ั ยังมกี ารก�ำหนดโควตานำ� เขา้ สนิ ค้าอกี ดว้ ย
ต่อมาในช่วงการใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 3–4 (พ.ศ. 2515–2524)
นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทยเริ่มเปลี่ยนเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกมากย่ิงขึ้น อย่างไรก็ตาม
ไดม้ ขี อ้ โตแ้ ยง้ ทางดา้ นนโยบายระหวา่ งการสง่ เสรมิ การสง่ ออกและการคมุ้ ครองอตุ สาหกรรมภายในประเทศ
กล่าวคือ หลายๆ อุตสาหกรรมท่ีรัฐบาลส่งเสริมเพ่ือการส่งออกนั้นจ�ำเป็นต้องน�ำเข้าวัตถุดิบซ่ึงเป็นสินค้า
ขนั้ ตน้ และสนิ คา้ ขน้ั กลางจากตา่ งประเทศเพอื่ น�ำมาผลติ เพอื่ การสง่ ออก แตย่ งั คงมอี ปุ สรรคจากการมกี �ำแพง
ภาษีสนิ ค้าน�ำเขา้ เพื่อคมุ้ ครองอตุ สาหกรรมภายในประเทศ ดงั นน้ั นโยบายการเกบ็ ภาษนี �ำเขา้ ของไทยจงึ
เปล่ยี นมาเป็นรปู แบบภาษีขั้นบนั ได (Tariff escalation) โดยอตั ราภาษีศุลกากรทอ่ี ย่ใู นระดบั สงู น้นั เรียก
เกบ็ กับสนิ ค้าส�ำเร็จรูปมากกว่าท่ีจะเรยี กเกบ็ กบั สินค้าประเภทวัตถุดบิ
ระยะท่ีสอง (พ.ศ. 2525–2543) เป็นช่วงท่ีนโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทยได้ให้ความ
สนใจต่อความตกลงการค้าเสรีในระดับระดับพหุภาคี (multilateralism) และภูมิภาค (regionalism)
มากขนึ้ ใน พ.ศ. 2525 ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของแกตต์ (General Agreement on Tariffs and Trade:
GATT) โดยนบั เปน็ สมาชิกในลำ� ดับท่ี 88 โดยมีวตั ถุประสงคอ์ ย่างน้อย 2 ประการ (WTO Watch) คอื
ประการแรกไทยต้องการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกอย่างเท่าเทียมกัน และ
ประการทส่ี องคอื ไทยมเี วทที ส่ี ามารถฟอ้ งรอ้ งตอ่ GATT ไดใ้ นกรณที ไี่ มไ่ ดร้ บั การปฏบิ ตั อิ ยา่ งเทา่ เทยี มกบั
ประเทศสมาชิกอื่น เช่น มีการกีดกันการน�ำเข้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น และจากการท่ีไทยเป็นสมาชิก
ของ GATT ส่งผลใหไ้ ทยต้องลดก�ำแพงภาษนี ำ� เข้าลงท้งั สินคา้ เกษตรและสินค้าอตุ สาหกรรมนอกจากน้ัน
ภายหลังการเจรจารอบอุรุกวัยจบลงใน พ.ศ. 2538 จน GATT เปล่ียนชื่อใหม่เป็นองค์การการค้าโลก
(World Trade Organization: WTO) ท�ำใหภ้ าษศี ุลกากรของประเทศสมาชกิ WTO รวมทง้ั ไทยต้อง