Page 50 - การคุ้มครองผู้บริโภคและกฎหมาย เกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า
P. 50

9-38 การคมุ้ ครองผู้บริโภคและกฎหมายเกี่ยวกับการแข่งขนั ทางการค้า
            4.3)	กฎหมายความรบั ผดิ ฯ ของประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ บญั ญตั ไิ วใ้ น The Consumer Protec-

tion Act 1992 โดยผูบ้ รโิ ภค (consumer) หมายถงึ บุคคลธรรมดาทเี่ ป็นหรืออาจเป็นผู้ซอื้ ผูเ้ ชา่ หรอื
ผรู้ บั การใหข้ องผลติ ภัณฑ์ บริการ หรอื สินเชือ่ อุปโภคบรโิ ภค

            สำ� หรับผลิตภัณฑแ์ ละบรกิ ารอุปโภคบริโภค (consumer products and services) หมาย
ถงึ สนิ คา้ บรกิ าร และสนิ เชอ่ื หนส้ี นิ หรอื ขอ้ ผกู พนั สำ� หรบั วตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ สว่ นบคุ คล ครอบครวั ครวั เรอื น
หรือการเกษตร ซ่ึงรวมถึงแต่ไม่จ�ำกัดเพียงแค่อาหาร ยา เครื่องส�ำอาง เครื่องมือ และเครื่องใช้ โดยผู้
ประกอบการต้องรับผิดต่อความเสียหายท่ีเกิดจากความช�ำรุดบกพร่องในการออกแบบ การผลิต การ
กอ่ สรา้ ง การประกอบชนิ้ สว่ น การบรรจหุ บี หอ่ ตลอดจนการใหข้ อ้ มลู เกยี่ วกบั การใชแ้ ละอนั ตรายของสนิ คา้
ที่ไม่เพียงพอ แต่ผู้ประกอบการไม่ต้องรับผิดหากพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้น�ำสินค้าเข้าสู่ตลาด หรือแม้จะเป็น
ผู้น�ำสินค้าเข้าสู่ตลาดแต่สินค้าน้ันไม่มีความช�ำรุดบกพร่องหรือความเสียหายเกิดจากผู้บริโภคหรือบุคคล
ทีส่ าม (มาตรา 97)

            ผู้ขายสินค้าที่ไม่สามารถระบุตัวผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิตหรือผู้น�ำเข้าต้องรับผิดต่อผู้เสียหาย
ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าท่ีไม่ปลอดภัยเช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิต
หรือผูน้ �ำเขา้ (มาตรา 98)

            หลักการคล้ายๆ กันในกรณีสินค้าท่ีไม่ปลอดภัยก็ให้น�ำมาใช้กรณีความเสียหายที่เกิดจาก
บริการที่ไม่ปลอดภัย (Defective Services) กับผู้ประกอบการท่ีเป็นผู้ให้บริการด้วย (หลักบัญญัติใน
มาตรา 99)

            4.4)	ส�ำหรับกฎหมายความรับผิดในประเทศไทย บัญญัติไว้ใน The Product Liability
Act 2008 โดยจดั เป็นกฎหมายมคี วามสำ� คญั ต่อการเพ่มิ ขดี ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
กบั ประเทศในกลมุ่ อาเซยี น เนอื่ งจากจดั เปน็ กฎหมายกลางทใ่ี ชก้ บั สนิ คา้ ทวั่ ไปทเี่ ปน็ สงั หารมิ ทรพั ยท์ กุ ชนดิ
ที่ผลิตเพื่อขายหรือน�ำเข้าเพ่ือขาย ท�ำให้ผู้ประกอบการที่ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิต ผู้น�ำเข้าต้องจัดให้มีสินค้า
ตามคณุ ภาพและไดม้ าตรฐานความปลอดภยั เนอื่ งจากกฎหมายความรบั ผดิ ฯ ของประเทศไทยกำ� หนดให้
ผปู้ ระกอบการทกุ คนตอ้ งรว่ มกนั รบั ผดิ อยา่ งเครง่ ครดั (Strict Liability) ตามมาตรา 5 ดงั นนั้ ผปู้ ระกอบการ
ทผ่ี ลติ สนิ คา้ ในตา่ งประเทศและผปู้ ระกอบการนำ� เขา้ สนิ คา้ นนั้ มาจำ� หนา่ ยในประเทศไทย ตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั
ในเร่ืองคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัยของสินค้าเป็นส�ำคัญ ด้วยเหตุนี้ กฎหมายความรับผิดฯ ของ
ประเทศไทยจงึ จัดเป็นกฎหมายท่ีเพิ่มขดี ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย

       นอกจากน้ี กฎหมายความรบั ผดิ ฯ ของประเทศไทยเปน็ กฎหมายทมี่ คี วามสอดคลอ้ งกบั แนวปฏบิ ตั ิ
สากลมาก เน่ืองจากข้อบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวก�ำหนดหลักกฎหมายเป็นไปตามข้อบัญญัติสากลทุก
ประการทน่ี ำ� มาใชเ้ ปน็ ตน้ แบบในการจัดทำ� กฎหมายดังกลา่ ว สำ� หรับบทบัญญัติสากลทน่ี �ำมาเปน็ ต้นแบบ
ได้แก่ หลักความรับผิดเคร่งครัด (Strict liability อยู่ในมาตรา 5) หลักภาระการพิสูจน์ (Burden of
Proof อยใู่ นมาตรา 6 มาตรา 7) หลกั คา่ สนิ ไหมทดแทนเพอ่ื การลงโทษเพมิ่ ขน้ึ (Punitive Compensa-
tions อย่ใู นมาตรา 11 วรรคแรก (2) เปน็ ตน้

       ผู้เขียนเห็นว่าในอนาคตประเทศไทยต้องปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการบริการท่ี
ไมป่ ลอดภยั (defective services) ด้วย เนอ่ื งจากความเสียหายทไ่ี ด้รบั จากการบริการทไี่ ม่ปลอดภยั ส่ง
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55