Page 55 - สังคมมนุษย์
P. 55
มนษุ ย์กับสถาบนั สงั คมและการจดั ชว่ งชนั้ ทางสงั คม 3-45
แมกซ์ เวเบอร์ กลา่ ววา่ ชนชน้ั ทางสงั คมเกดิ จากการจดั ล�ำดบั ชนั้ โดยพจิ ารณาจากองคป์ ระกอบ 3
ประการได้แก่ (ฝา่ ยวิชาการ สำ� นักพิมพ์โอเดียนสโตร,์ 2546, น. 34-35)
1) ความม่งั คั่งหรือเศรษฐทรพั ย์ (Wealth)
2) เกียรตภิ ูมิ (Prestige)
3) อ�ำนาจ (Power)
เวเบอร์มุ่งเน้นความสนใจของตนไปท่ีสังคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสังคมระบบทุนนิยม โดยได้
กล่าวถึงอ�ำนาจที่มีประสิทธิภาพท่ีจะควบคุมการกระท�ำของมนุษย์ อ�ำนาจพ้ืนฐานแบ่งแยกลักษณะ
พฤตกิ รรมได้ 3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ เศรษฐกจิ สงั คม และการเมืองโดยพฤติกรรมเหลา่ นีจ้ ะมอี ำ� นาจท่กี อ่ รปู
ข้ึนอยกู่ ับชนชน้ั (Class) สถานภาพ (Status) และพรรค (Party) ซ่งึ เวเบอร์ไดว้ เิ คราะห์ลักษณะอ�ำนาจ
ในแต่ละพฤตกิ รรมเพ่ือเป็นพื้นฐานในการอธบิ ายระบบชนชนั้ ดังนี้
1) อ�ำนาจในพฤติกรรมด้านเศรษฐกิจ การจดั ลำ� ดบั ชนชนั้ จะเปน็ แบบชนชนั้ ตา่ งๆ บคุ คลท่ี
มีผลประโยชน์และอ�ำนาจทางเศรษฐกิจเหมือนกันจะอยู่ในชนชั้นเดียวกัน การจัดช่วงช้ันทางสังคมของ
เวเบอร์หมายถึง การท่ีบุคคลมีอ�ำนาจ มีความได้เปรียบในการศึกษาเพ่ือเพ่ิมพูนฐานะทางเศรษฐกิจและ
สงั คม
2) อ�ำนาจทางสังคม เวเบอร์ใช้ “สถานภาพ” ในการใหข้ อ้ สงั เกตความแตกต่างของชนชน้ั
บคุ คลทมี่ เี กียรตภิ มู ิและเกียรตศิ ักด์ิ (Prestige and Dignity) ทางสงั คมเหมือนกันและผูห้ ญงิ มฐี านะชวี ิต
ความเป็นอยู่คล้ายคลึงกันจัดอยู่ในกลุ่มซ่ึงอยู่ในสถานภาพเดียวกัน อ�ำนาจทางสังคมท่ีได้รับจากการ
ตัดสนิ ใจโดยมาตรฐานของชมุ ชนซ่ึงตามปกตบิ รรทดั ฐานเหล่านัน้ ขนึ้ อยกู่ ับแบบของชวี ิต รปู แบบของการ
บริโภคเสรีนิยม ระดับการศึกษา เครือญาติ และอาชีพสิ่งเหล่านี้ใช้เป็นพ้ืนฐานในการประเมินสถานภาพ
บุคคลในชุมชนหนงึ่
3) อ�ำนาจทางการเมือง ต�ำแหน่งทางการเมืองย่อมท�ำให้บุคคลมีอ�ำนาจแตกต่างกันไป
อ�ำนาจทางการเมืองมีข้ึนได้โดยกลุ่มการเมือง สถาบันทางการเมืองเป็นสถาบันท่ีมีระเบียบวิธีและขึ้นอยู่
กับชมุ ชนและอำ� นาจทางการเมอื งอาจมผี ลถึงอ�ำนาจทางเศรษฐกจิ และสงั คมดว้ ย
แบบการจัดช่วงช้ันของ แมกซ์ เวเบอร์
รูปแบบ การจัดกลุ่ม หลักการแบ่งช่วงชั้น
เศรษฐกิจ ชนช้ัน - การผลติ การได้มาซ่งึ สนิ คา้
- โอกาสในชวี ติ
สังคม กลุม่ ฐานะ - การบริโภคสินคา้
กลุม่ สถานภาพ - วิถีการดำ� เนนิ ชีวิต
- เกยี รติภูมิ การบกพร่อง
การเมือง พรรค อำ� นาจ
ที่มา: ชนติ า รกั ษพ์ ลเมือง, 2525, 127-128.