Page 57 - สังคมมนุษย์
P. 57
มนษุ ย์กับสถาบันสงั คมและการจดั ชว่ งชั้นทางสังคม 3-47
การที่สังคมยังมีช่วงช้ัน หรือความไม่เท่าเทียมกันดังกล่าวข้างต้น การด้ินรนต่อสู้ระหว่างชนช้ัน
จะยงั มีอยู่ตลอดไป
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้มีความพยายามที่จะหาวิธีท่ีจะมาขจัดชนช้ันหรือความไม่เท่าเทียม
ให้หมดไปจากสังคมเพื่อว่าสังคมมนุษย์จะได้เข้าสู่ภาวะสันติกันอย่างแท้จริงโดยมีนักทฤษฎีทางด้าน
สังคมวทิ ยาในกลุ่มทฤษฎนี ี้ ได้แก่
คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) มาร์กซ์ มคี วามเหน็ ว่าชนชนั้ ถูกกำ� หนดโดยความสมั พันธ์ระหว่าง
กลมุ่ ชนกบั วธิ กี ารผลติ เขาไดแ้ บง่ กลมุ่ คนออกเปน็ สองกลมุ่ คอื กลมุ่ ผใู้ ชแ้ รงงานกบั กลมุ่ ชนชนั้ ผเู้ ปน็ เจา้ ของ
ปจั จัยการผลิต ทัง้ สองกล่มุ น้ีจะมีการเอารดั เอาเปรียบและกดข่ขี ่มเหงกนั
มาร์กซ์อธิบายเร่ืองชนช้ันโดยใช้ทฤษฎีตัวก�ำหนดทางเศรษฐกิจ (Economic Determination)
โดยระบบการผลติ จะเปน็ ตวั กำ� หนดการจดั ระเบยี บทางสงั คม เปน็ ทฤษฎที เ่ี กยี่ วกบั การตอ่ สรู้ ะหวา่ งชนชน้ั
ตา่ งๆ โดยเฉพาะนายทนุ กบั กรรมกร และเปน็ ทฤษฎที กี่ ลา่ วถงึ บทบาทของกรรมกร การตอ่ สรู้ ะหวา่ งชนชนั้
(Class Struggle) ดงั ที่ มาร์กซ์ และเอ็งเกลิ ส์ (Engles) ได้เขียนทฤษฎกี ารตอ่ สู้ระหว่างชนช้นั ไวอ้ ยา่ ง
ชัดเจนในหนังสือเรื่อง “Communist Manifesto” ซ่ึงได้อธิบายถึงประวัติศาสตร์ของทุกสังคมทุกสังคม
ตั้งแต่อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั คอื ประวตั ศิ าสตรข์ องการตอ่ สูร้ ะหวา่ งชนชัน้ ”
ชว่ งชนั้ ทางสงั คมสำ� หรบั มารก์ ซเ์ ปน็ สงิ่ ทห่ี ลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ ซง่ึ หมายถงึ กลมุ่ ทเี่ รยี กวา่ กลมุ่ เจา้ ของการ
ผลติ และผู้ไมใ่ ช่เจา้ ของการผลิต
มารก์ ซไ์ ดอ้ ธบิ ายววิ ฒั นาการทางสงั คม โดยเรม่ิ ตง้ั แตส่ มยั ศกั ดนิ าในยโุ รป ประมาณปที ี่ 807 กอ่ น
พุทธศักราชโดย “ขุนนาง” (Feudal Lords) ผกู ขาดการมีกรรมสทิ ธิใ์ นที่ดินเป็นศูนยก์ ลางทางเศรษฐกจิ
ส่วนพวก “ข้า” ในระบบศักดนิ านนั้ ไม่มกี รรมสทิ ธใ์ิ ดๆ ทัง้ สิ้น
ต่อมาระบบเศรษฐกิจระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกได้เริ่มขึ้นท�ำให้พวกพ่อค้าและกลุ่ม
นายทุนเจ้าของเครื่องมือการผลิตเฟื่องฟูข้ึนในระบบการผลิตแบบโรงงาน และเกิดระบบสังคมนิยมแบบ
ทนุ นยิ มและนายทนุ เหลา่ นน้ั ไดเ้ ปน็ ผเู้ ขา้ ควบคมุ การผลติ และทรพั ยากรตา่ งๆ พวกขนุ นางและเจา้ ของทดี่ นิ
ถูกกลืนโดยพวกนายทุนและพอ่ คา้
มารก์ ซ์ได้แบ่งโครงสร้างระบบชนชนั้ ทางสงั คมออกได้ดงั น้ี
1) ชนช้ันเจา้ ของเครอ่ื งมอื การผลติ (Bourgeoisie)
2) ชนชน้ั อาชพี (Professionals)
3) เจ้าของธรุ กิจขนาดเล็ก (Small Businessmen)
4) ชนชั้นกรรมาชพี (Proletariat)
ต่อมาการเปล่ียนแปลงในระบบการผลติ ได้ผลกั ดนั ใหช้ นช้นั อาชพี เจา้ ของธุรกจิ ขนาดเล็กซงึ่ เป็น
ชนช้ันกลางของสังคมท่ีต้องท�ำงานเพื่อสังคมส่วนรวมมากกว่าเพ่ือตนเองและในท่ีสุดชนช้ันกลุ่มนี้จึงมา
รวมกับพวกชนชั้นกรรมาชีพ ท�ำให้ชนช้ันเจ้าของเคร่ืองมือการผลิต หรือพวกนายทุนมีจ�ำนวนน้อยลง
แตย่ งั คงมอี ำ� นาจและความรา่ํ รวยอยู่ ในขณะทชี่ นชนั้ กรรมาชพี มอี ำ� นาจมากขน้ึ แตย่ ากจนลงและมอี ำ� นาจ
น้อยลง ท�ำให้เกิดการปฏิวัติทางสังคมเพ่ือท�ำลายการแข่งขันและการผูกขาดในความหมายของการผลิต
จนในที่สดุ จะไมม่ ีชนช้นั ในสงั คม (ชนติ า รกั ษ์พลเมอื ง, 2525, น. 125-126)