Page 16 - พื้นฐานสังคมเเละวัฒนธรรมเขมร
P. 16

1-6 พน้ื ฐานสงั คมและวฒั นธรรมเขมร

       จากความหมายของคาว่าสังคมเห็นได้ว่าส่ิงสาคัญเมื่อกล่าวถึงสังคมคือ “กลุ่ม” ของคนหรือ
สมาชกิ ทีม่ ารวมกัน โดยทคี่ นในสงั คมมีปฏสิ ัมพนั ธ์กนั อยา่ งไรก็ดสี ังคมของคนมีความเปน็ “กลุ่ม” ทตี่ ่าง
จากกลุ่มชนิดอื่น เห็นได้จากในภาษาไทยหรือภาษาเขมรจะไม่ใช้ว่าสังคมต้นไม้ สังคมแมว หรือสังคม
ผักสวนครัว ซง่ึ สื่อนัยว่าความเปน็ “กลมุ่ ” ของคนมีลกั ษณะเฉพาะต่างจากส่ิงอ่นื ดังน้ี

           1) มีความเป็ น “กลุ่ม” ในเชิงพ้ืนที่ กลุ่มทางสังคมของคนมีขอบเขตด้านที่อยู่อาศัยหรือ
ภมู ศิ าสตร์เปน็ หลักแหลง่ เมอื่ พินจิ ลงไปในกลุ่มย่อยพ้นื ที่ดังกล่าวยังคงความสาคญั ทง้ั ในระดับครอบครวั
และระดับประเทศ

           2) มีความมั่นคงกว่ากลุ่มประเภทอ่ืน ด้วยเหตุท่ีการรวมกันของคนจานวนมากโดยมี
ระเบียบแบบแผนและกฎเกณฑ์ร่วมกัน ความม่ันคงของสงั คมจงึ มีมากกวา่ กลุ่มอ่ืน เช่น ครอบครัวย่อมมี
ความม่ันคงกว่ากลุ่มการเมือง เพราะเม่ือแนวคิดหรือวัตถุประสงค์ในการรวมตัวกันของกลุ่มการเมือง
เปลย่ี นแปลงไปกจ็ ะเกิดการแตกสลายของกลุ่ม

           3) มีวัฒนธรรมประจาของกล่มุ สังคมเป็นกลุ่มทอี่ ยู่ร่วมกนั ในระยะเวลานานจนเกิดการสั่งสม
ความคิดและส่งต่อความคิดจากรุ่นสู่ร่นุ ความคิดดังกล่าวเม่ือผ่านไประยะเวลาหนึ่งกลายเป็นวัฒนธรรม
ประจากลุ่ม อาทิ ภาษา ศิลปะ โดยปกติคนในสังคมมักไม่รู้ถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่มชัดเจน
นัก จนกว่าจะมีวัฒนธรรมอื่นเข้ามา จึงเห็นความต่างระหว่างวัฒนธรรมของ “กลุ่ม” กับวัฒนธรรมอื่น
(รัชนีกร เศรษโฐ, 2532: 2) วัฒนธรรมประจาของกลุ่มมีส่วนหล่อหลอมความเป็นกลุ่มทางสังคมท่ี
ทาใหต้ า่ งจากสังคมอ่นื

       1.2 ความสาคัญของสังคม เม่อื คนอยูร่ วมกันเป็นกลุ่ม ย่อมก่อให้เกิดการววิ ัฒน์ขน้ึ เรว็ กว่าการอยู่
เพียงลาพงั สังคมจึงมีความสาคัญโดยท่ีเป็นแหล่งรวมของคนจานวนมาก ความสาคัญของสงั คมท่ีสาคัญ
มีดงั น้ี

           1) สร้างความวิวัฒน์ให้แก่กลุ่มคน คนในยุคอดีตดารงชีวิตด้วยการหาของป่า ล่าสัตว์ และ
ดารงชีพแบบเร่ร่อน หวังเพียงนาพาชีวิตให้รอด แต่เม่ือคนรวมกลุ่มจึงเริ่มพัฒนารูปแบบการดารงชีวิต
จากชีวิตแบบเร่ร่อน เมื่อมีคนจานวนหลายคนก็เร่ิมมองหาหลักแหล่งในการอยู่อาศัย จากเดิมหาอาหาร
ดว้ ยการลา่ สัตว์ก็เปลย่ี นเป็นการเล้ียงสัตว์หรือทากสิกรรม เพ่ือสรา้ งความมั่นคงในชีวิต และเม่ือระยะเวลา
รวมกลุ่มยาวนานข้ึนก็เริ่มมีการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น จนก้าวไปสู่การแลกเปล่ียนและการค้าขาย
จะเห็นได้ว่าเม่ือคนมารวมตัวกันเปน็ กลุ่มจนเรยี กวา่ สงั คม ความวิวัฒนก์ ็ได้ดาเนินและสรา้ งความเปลี่ยน-
แปลงจากการดารงชีพเพื่อความอยรู่ อด ไปสกู่ ารดารงชีพเพื่อความม่นั คง
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21