Page 50 - การวิจัยเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
P. 50
2-40 การวิจัยเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
ตัวอย่างเช่น การทดลองเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ผู้วิจัยต้องการเปรียบเทียบผลของการ
เรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2 รูปแบบ คือ แบบที่มีคำ�แนะนำ� และแบบที่ไม่มีคำ�แนะนำ� ที่มีต่อ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจัยได้เลือกศึกษาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย
สอนที่มีความแตกต่างกันทั้ง 2 รูปแบบอย่างชัดเจน จึงถือได้ว่าผู้วิจัยเพิ่มความแปรปรวนของตัวแปรอิสระ
ในการทดลอง
1.2 Min (Minimization of error variance) หมายถึง การทำ�ให้ความแปรปรวนอันเนื่องมา
จากความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ ให้มีค่าน้อยที่สุด ความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้กับการวิจัยทดลอง
เช่น ความคลาดเคลื่อนอันเกิดจากความแตกต่างระหว่างบุคคล ความคลาดเคลื่อนจากการทดสอบของ
กลุ่มตัวอย่างเช่น การเหนื่อยล้าจากการทำ�การทดสอบเป็นเวลานาน ความคลาดเคลื่อนอันเกิดจากการวัด
ของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย การแก้ไขทำ�ได้โดยผู้วิจัยจะต้องสร้างเครื่องมือในการวัดให้เป็นเครื่องมือที่มี
ความเที่ยงตรง (Validity) ความเชื่อมั่น (Reliability) และมีความเป็นปรนัย (Objectivity)
1.3 Con (Control of extraneous variance) หมายถงึ การควบคมุ ความแปรปรวนทีเ่ กดิ จากตวั แปร
แทรกซ้อนแล้วส่งผลต่อตัวแปรตาม ซึ่งมีวิธีดังนี้
1.3.1 การกำ�จัดตัวแปรออก หมายถึง การจัดตัวแปรภายนอกที่มีผลต่อตัวแปรตามออกไป
จากการทดลอง
1.3.2 การเพิ่มตัวแปร หมายถึง การนำ�ตัวแปรแทรกซ้อนเพิ่มเข้าไปเป็นตัวแปรอิสระอีกตัว
ในการวิจัย
1.3.3 การจับคู่เป็นรายบุคคล เป็นการนำ�กลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะเหมือนกันมาเรียงเป็นคู่ ๆ
แล้วแยกแต่ละคู่เข้ากลุ่ม แล้วนำ�ค่าที่ได้จากแต่ละกลุ่มนั้นมาทดสอบความแตกต่างทางสถิติ วิธีนี้จะกระทำ�
ได้เฉพาะคุณลักษณะบางอย่างเท่านั้น
1.3.4 การใชเ้ ทคนคิ ทางสถติ ิ เปน็ สถติ ทิ ีส่ ามารถปรบั คณุ สมบตั ทิ ีต่ า่ งกนั บางประการของกลุม่
ตัวอย่างเช่น การสุ่มกลุ่มตัวอย่าง ใช้วิธีการสุ่มที่ทำ�ให้กลุ่มตัวอย่างมีลักษณะเหมือนกัน หรือเท่าเทียมกันใน
ทุก ๆ เรื่องมากที่สุด
2. การควบคมุ ความตรงของการทดลอง
อรจรีย์ ณ ตะกั่วทุ่ง (2555, น. 8-24-8-26) ได้กล่าวว่า ความตรงของการทดลอง หมายถึง การ
ทดลองที่ตัวแปรที่ผู้วิจัยออกแบบจัดกระทำ�ในการทดลองทำ�ให้เกิดผลการทดลองและยังสามารถนำ�ผลนั้น
ไปใช้กับการวิจัยโดยรวมในการทดลอง ดังนั้น ผู้วิจัยจึงควรควบคุมความตรงของการทดลองให้ได้มาก
ที่สุด ซึ่งความตรงมีทั้งความตรงภายใน และความตรงภายนอก ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการควบคุมความตรง
ภายใน (Internal Validity) หมายถึง การที่ตัวแปรตามเป็นผลมาจากตัวแปรอิสระ ถ้ามีผลมากแสดงว่า
มีความตรงภายในมาก ทำ�ให้ผู้วิจัยมั่นใจได้ว่าผลการวิจัยเกิดจากการจัดกระทำ� (Treatment) ของตัวแปร
อิสระ การควบคุมความตรงภายใน สามารถทำ�ได้ ดังนี้