Page 51 - การวิจัยเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
P. 51
การวิจัยพรรณนาและการวิจัยทดลองเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา 2-41
2.1 เหตกุ ารณ์ระหวา่ งการทดลอง ระหวา่ งการทดลองอาจมเี หตุการณบ์ างอยา่ งเกิดขึ้นและมผี ลต่อ
ตัวแปรตาม เช่น ระหว่างการทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่เป็นกลุ่มทดลองมีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจาก
แหล่งความรู้อื่นที่นอกเหนือจากที่ผู้วิจัยออกแบบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอาจได้มาจากที่กลุ่มตัวอย่างไป
ศึกษาความรู้มาเอง
2.2 วุฒิภาวะ ระหว่างการทดลอง กลุ่มตัวอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ
เช่น ร่างการเปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการ สติปัญญาที่เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ความเบื่อหน่ายในการทดลองจน
ไม่ให้ความร่วมมือ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อตัวแปรตามทั้งสิ้น
2.3 การสูญหายของกลุ่มตัวอย่าง ระหว่างการทดลอง กลุ่มตัวอย่างบางคนอาจมีการย้ายที่อยู่
ติดภารกิจอื่น หรือไม่สะดวกในการทดลองจนเสร็จสิ้น จำ�นวนกลุ่มตัวอย่างที่หายไประหว่างการทดลองล้วน
มีผลต่อคะแนน เช่น ถ้าเด็กเก่งหายไปคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของกลุ่มก็จะลดลงไป
2.4 การทดสอบ ในการวจิ ยั ทดลองตอ้ งมีการทดสอบกลุ่มตวั อย่างเสมอ หากมีการวดั ผลกอ่ นเรยี น
และหลังเรียนในเวลาที่ใกล้ชิดกันมาก หรือใช้แบบทดสอบชุดเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างอาจจำ�ข้อสอบได้และ
ช่วยทำ�ให้คะแนนสูงขึ้น ผลของตัวแปรตามจึงเกิดจากการทดสอบมากกว่าเกิดจากการจัดกระทำ�
2.5 เครือ่ งมือท่ใี ช้ในการวัด เคร่อื งมอื ท่ีผู้วจิ ยั ใช้ หรือเก็บรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ ตอ้ งมคี วามเท่ียงตรง
(validity) ความเที่ยง (reliability) หรืออำ�นาจจำ�แนก (discrimination) และความยากง่าย (difficulty
level) ที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ เช่น ข้อสอบก่อนเรียนและหลังเรียนต้องมีความยากง่ายใกล้เคียงกัน
ต้องเป็นข้อสอบคู่ขนาน เป็นต้น
2.6 การถดถอยทางสถิติ (statistical regression) เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้ว่า กลุ่มตัวอย่างที่สอบ
ได้คะแนนสูง หรือตํ่ากว่าคะแนนเฉลี่ยในการสอบครั้งแรกมักมีคะแนนตํ่าลง หรือสูงขึ้นกว่าคะแนนเฉลี่ยใน
การสอบครั้งที่ 2 ผู้วิจัยต้องคำ�นึงถึงการคลาดเคลื่อนของคะแนนความเป็นจริง
2.7 การคดั เลอื กกลุม่ ตวั อยา่ ง (differential selection) ในการวจิ ยั ทดลองเทคโนโลยแี ละสือ่ สารการ
ศึกษา กลุ่มตัวอย่างต้องเป็นตัวแทนที่ดีของประชากร ความคลาดเคลื่อนอาจเกิดจากความไม่ถูกต้องในการ
สุ่มกลุ่มตัวอย่าง หรือการแบ่งกลุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มทดลองตามแบบแผนการทดลอง เป็นต้น
2.8 ผลของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ (interaction effect) ในการทดลอง
ความคลาดเคลื่อนของความถูกต้องภายในอาจเกิดจากปฏิกิริยาของหลาย ๆ องค์ประกอบที่ส่งผลร่วมกัน
เช่น การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง กับการสูญหายของกลุ่มตัวอย่าง หรือเครื่องมือที่ใช้ในการวัดกับการทดสอบ
โดยสรุป การออกแบบการวิจัยทดลองโดย การควบคุมความแปรปรวน ควรใช้หลักการที่เรียกว่า
“The Max Min Con Principle” ประกอบด้วย (1) Max (Maximization of experimental variance)
หมายถึง การทำ�ให้ความแปรปรวนของตัวแปรตามที่เกิดจากตัวแปรอิสระในการทดลองให้มีค่าสูงสุด
(2) Min (Minimization of error variance) หมายถึง การทำ�ให้ความแปรปรวนอันเนื่องมาจากความ
คลาดเคลื่อนต่าง ๆ ให้มีค่าน้อยที่สุด และ (3) Con (Control of extraneous variance) หมายถึง
การควบคุมความแปรปรวนที่เกิดจากตัวแปรแทรกซ้อนแล้วส่งผลต่อตัวแปรตาม