Page 56 - ไทยศึกษา
P. 56
๑๓-46 ไทยศึกษา
เรียกว่า ส�ำริด เป็นก้าวส�ำคัญของการเริ่มต้นเทคโนโลยีโลหะในประเทศไทยจากยุคหินเข้าสู่ยุคโลหะ ใน
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มพี ฒั นาการการใชโ้ ลหะมากอ่ นแถบภาคกลาง แหลง่ วฒั นธรรมสำ� รดิ ทสี่ ำ� คญั แหง่
หนง่ึ ในดนิ แดนประเทศไทยเทา่ ทคี่ น้ พบในปจั จบุ นั คอื บา้ นเชยี ง จงั หวดั อดุ รธานี อายปุ ระมาณ ๓,๐๐๐ ปี
การใช้ส�ำริดบ่งบอกถึงทักษะในงานโลหะวิทยา อาทิ การก�ำหนดส่วนผสมระหว่างโลหะท้ังสอง
ชนดิ การคน้ หาแหลง่ แรซ่ งึ่ พบไดใ้ นพน้ื ทท่ี เ่ี ขา้ ถงึ ยากและการถลงุ แร่ หลกั ฐานการทำ� เหมอื งถลงุ แรท่ องแดง
โบราณในประเทศไทยพบเพยี ง ๒ บรเิ วณ คอื ภโู ลน้ อำ� เภอสงั คม จงั หวดั หนองคาย และเขาวงพระจนั ทร์
เขาพุคา เขาผาแดง เขตอำ� เภอเมอื งและอำ� เภอโคกส�ำโรง จังหวดั ลพบุรี สำ� หรบั หลกั ฐานเหมืองแร่ดีบกุ ยงั
ไม่ปรากฏแน่ชัดในสมัยก่อนประวัตศิ าสตร์
สำ� รดิ ทใ่ี ชแ้ ทนหนิ และกระดกู สตั วน์ นั้ เปน็ การใชป้ ระโยชนจ์ ากโลหะผสมทมี่ คี วามแกรง่ แมว้ า่ ใน
ระยะแรกเครือ่ งมือเครอ่ื งใช้ยังมีลกั ษณะทำ� เลียนแบบเคร่ืองมอื หนิ ขัดจำ� พวกขวานหนิ และหอก แตก่ ็มีการ
พฒั นารปู แบบทหี่ ลากหลายและมขี น้ั ตอนการผลติ ทซ่ี บั ซอ้ นขน้ึ ไดแ้ ก่ ขวาน ใบมดี หอก หวั ธนู เบด็ และ
ทำ� เปน็ เครื่องประดบั เชน่ กำ� ไล สร้อยข้อมือ ฯลฯ
๒. การรู้จักใช้เหล็ก
เหล็กเป็นโลหะอีกชนิดหน่ึงท่ีมนุษย์ยุคโลหะน�ำมาใช้ สันนิษฐานว่าค้นพบโดยบังเอิญจาก
กระบวนการถลงุ แรท่ องแดง ในบางแหลง่ รจู้ กั ใชส้ ำ� รดิ กอ่ นเหลก็ จงึ จดั ใหย้ คุ สำ� รดิ อยกู่ อ่ นหนา้ ยคุ เหลก็ แต่
ในบางพื้นท่ีใช้ส�ำริดและเหล็กร่วมสมัยกัน หลักฐานของเคร่ืองมือเครื่องใช้เหล็กที่เก่าท่ีสุดในประเทศไทย
อยทู่ แี่ หลง่ โบราณคดบี า้ นเชยี ง จงั หวดั อดุ รธานี กำ� หนดอายอุ ยทู่ ปี่ ระมาณ ๒,๗๐๐-๒,๕๐๐ ปมี าแลว้ สำ� หรบั
การขุดค้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดลพบุรี พบว่ามีเครื่องมือเครื่องใช้ส�ำริดและเหล็กปะปนอยู่ใน
ช้ันดนิ เดียวกัน
เหลก็ มจี ดุ หลอมเหลวอยทู่ ี่ ๑,๕๓๕ องศาเซลเซยี ส เปน็ อณุ หภมู สิ งู กวา่ สำ� รดิ ดงั นน้ั การดดั แปลง
รูปร่างจึงท�ำได้ยาก ส่วนใหญ่จะใช้ท�ำเป็นเครื่องมือและอาวุธ เครื่องมือเหล็กมีส่วนช่วยผ่อนแรงมนุษย์ใน
กิจกรรมตา่ งๆ เช่น การใช้ผาลเหลก็ ทำ� ให้สามารถไถดนิ ได้เรว็ ข้ึน เป็นต้น
มีหลักฐานการท�ำเหมืองแร่เหล็กที่ลพบุรี ดินแดนบริเวณน้ีมีพัฒนาการมาตั้งแต่ยุคก่อน
ประวตั ศิ าสตรจ์ นถงึ ยคุ อารยธรรมเมอื ง การนำ� โลหะมาใชท้ ำ� ใหส้ ามารถปรบั ประยกุ ตแ์ ละดดั แปลงเทคโนโลยี
ใหม้ ีคุณภาพดีขึ้นและมีประสทิ ธภิ าพมากข้ึน
เครอ่ื งมอื เหลก็ ทพ่ี บในประเทศไทยแบง่ ไดเ้ ปน็ ๔ กลมุ่ คอื เครอ่ื งมอื เกยี่ วกบั งานชา่ ง ไดแ้ ก่ ขวาน
สิ่ว ตะปู เครอ่ื งมอื การเกษตร ได้แก่ เสียม คราด จอบ ผาล เคร่ืองมือล่าสัตว์และอาวุธ ไดแ้ ก่ ใบหอก
หวั ลกู ศร แหลน ฉมวก และเครอื่ งมอื สารพดั หนา้ ท่ี ไดแ้ ก่ มดี เครอ่ื งมอื แตล่ ะชนดิ ยงั แบง่ ออกเปน็ รปู แบบ
ย่อยตา่ งๆ ตามความแตกตา่ งของขนาดและรปู ร่างของเครอ่ื งมือด้วย
ผูค้ นในดินแดนประเทศไทยยังรจู้ ักการใช้ประโยชนจ์ ากโลหะอกี หลายชนิด เช่น ตะกั่ว เงิน ทอง
น�ำมาใช้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้เพื่อประโยชน์ในการด�ำรงชีวิต ในงานศิลปกรรม ศาสนา และท�ำเป็น
เครอ่ื งประดบั เหน็ ไดง้ านฝมี อื ศลิ ปวตั ถทุ ป่ี ระณตี งดงาม ดงั เชน่ ทพี่ บในกรวุ ดั ราชบรู ณะ พระนครศรอี ยธุ ยา