Page 46 - โลกทัศน์ไทย
P. 46

9-36 โลกทศั นไ์ ทย
            การเปล่ียนฐานานุกรมจากมิสซังสยามเป็นสังฆมณฑลต่างๆ ท�ำให้พระสงฆ์และนักพรต

ต่างๆ มีอิสระในการด�ำเนินงานในระดับหนึ่งจากสมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อท่ีกรุงโรม พระสงฆ์และ
นักพรตท�ำงานโดยอยู่ภายใตค้ วามรบั ผิดชอบของพระสังฆราชของสังฆมณฑลน้นั ๆ

       2.3 	ยุคปัจจุบัน (ตง้ั แต่หลงั สังคายนาสากลวาตกิ ันที่ 2 จนถึงปจั จบุ ัน) แตเ่ ดมิ นั้น ศาสนาคริสต์
ไดม้ กี ารสงั คายนาเพอ่ื รวบรวมคำ� สอนซง่ึ มที ง้ั ระดบั ภมู ภิ าคและระดบั ทวั่ โลก (สากล) แตก่ อ่ นการสงั คายนา
สากลวาติกนั ท่ี 2 อาจกลา่ วไดว้ า่ ศาสนาคริสตไ์ ดม้ าถงึ ยุคทเ่ี ผชญิ กับปัญหาต่างๆ มาก จนถงึ ขั้นทีเ่ รียก
ได้ว่า “วิกฤต” เราจะเห็นได้จากการที่วิทยาศาสตร์ได้พัฒนาขึ้นมามีบทบาท แทรกเข้าไปในวิถีชีวิตของ
คนในทุกระดับ ค�ำสอนทางศาสนา รหัสธรรม และความเช่ือถูกท้าทายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น คน
ทัว่ ไปจึง “หันหลงั ” ให้แก่ศาสนา

       ในขณะเดียวกนั โลกก็กำ� ลังสบั สนวุน่ วายด้วยปัญหา อันเน่ืองมาจากสงครามโลกท่เี กิดขึ้นมาถงึ
2 ครง้ั ติดตามมาดว้ ยปญั หาเศรษฐกจิ โรคระบาด ความอดอยาก ความหฤโหดตา่ งๆ ทมี่ นษุ ย์พบ ท�ำให้
ยากเกนิ กวา่ ทจี่ ะเชอ่ื วา่ พระเจา้ มอี ยจู่ รงิ ตามคำ� สอนเเบบเดมิ ชวี ติ ในปจั จบุ นั มคี วามยากลำ� บากและความทกุ ข์
มากเกินกวา่ จะทนรอคอยชวี ิตหนา้ ได้

       ในภาวะดังกล่าว คริสตจักรต้องมีการปรับตัวฉากเดิมที่มีภาวะแยกเด็ดขาดจากโลก และคอย
ควบคมุ พรอ้ มทง้ั กำ� หนดแนวปฏบิ ตั ใิ หแ้ กโ่ ลก มาเปน็ การอยเู่ ปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกบั โลก ศาสนามใิ ชเ่ ปา้ หมาย
สงู สดุ และระบบความคดิ เพยี งระบบเดยี วในการตคี วามปรากฏการณข์ องชวี ติ และสงั คมของมนษุ ยอ์ กี ตอ่ ไป
แต่ศาสนาเป็นเป้าหมายอันหน่ึงและระบบความคิดแบบหน่ึงที่ต้องอยู่ร่วมกับเป้าหมายและระบบความคิด
แบบอ่ืนๆ ความสัมพันธ์ที่มีต่อความเชื่ออื่นๆ ต้องมีทั้งการสนับสนุนและคัดค้าน ดังนั้น คริสตจักรต้อง
ประเมินฐานะและบทบาทของตนเสียใหม่ ในขณะเดียวกันค�ำสอนทางศาสนาก็ต้องมีการปรับเพื่อให้
สอดคล้องกบั ปัญหาตา่ งๆ ที่ด�ำรงอยู่ของมนุษย์ และเพื่อสื่อสารกับมนุษย์ในยุคสมัยใหม่ ซ่ึงจะก่อให้เกดิ
ความเข้าใจถงึ แก่นแทข้ อง “ศาสนา”

       คริสตจักรได้เตรียมการสังคายนาครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นท่ีวาติกัน ต้ังเเต่วันท่ี 18 มิถุนายน ค.ศ. 1959
โดยสมเดจ็ พระสนั ตะปาปาจอห์นท่ี 23 ทรงขอความร่วมมือจากผ้นู ำ� ศาสนาตา่ งๆ 156 ทา่ น นกั เทววิทยา
นกั ปรชั ญาและนกั วชิ าการจากมหาวทิ ยาลยั คาทอลกิ และบคุ คลตา่ งๆ การสงั คายนาไดเ้ รมิ่ ตน้ เมอื่ วนั ที่ 11
ตุลาคม ค.ศ. 1962 จนถึงวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1965 ผู้เข้าร่วมการสังคายนาคือ พระสังฆราชท่ัวโลก
ประมาณ 3,000 องค์ ผแู้ ทนจากศาสนาครสิ ตน์ กิ ายโปรเตสแตนตแ์ ละออรโ์ ธดอกซ์ และผสู้ งั เกตการณอ์ นื่ ๆ
อีกรวม 2,500 คน การสังคายนาไดแ้ บ่งการประชมุ ออกเปน็ 4 สมยั ภายหลงั การประชมุ คริสตจกั รได้
ประกาศผลของการประชุมเป็นสันตะธรรมนูญ (constitution) 4 ฉบับ สมณกฤษฎีกา (decretum)
9 ฉบับ และคำ� ประกาศ (declaration หรอื เรียกปรญิ ญา) 3 ฉบับ ซงึ่ ได้ครอบคลุมเนื้อหาในทกุ ๆ ด้าน
ของครสิ ตจักร

       ความเปลยี่ นแปลงอยา่ งชนดิ “ปฏวิ ตั ”ิ นี้ กอ่ ใหเ้ กดิ กระแสความคดิ ใหมๆ่ โดยเฉพาะการใชศ้ าสนา
เปน็ แกนนำ� ในการแกไ้ ขปัญหาสงั คม เช่น ในลาตนิ อเมรกิ า ฟลิ ิปปินส์ เกาหลีใต้ และอื่นๆ

       หากพิจารณาในรายละเอียดมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่า การสังคายนาคร้ังก่อนๆ เป็นการรวบรวม
และประมวลค�ำสอนเพอ่ื ให้เกดิ ความเที่ยงตรง ความคิดและความเช่อื ของครสิ ตจกั รมิไดเ้ ปลย่ี นแปลง การ
ประกาศศาสนาและการสอนใหค้ นกลบั ใจมาเปน็ ครสิ ตชนเปน็ ภารกจิ ทจี่ ำ� เปน็ เพราะ “ภายนอกครสิ ตจกั ร
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51