Page 42 - โลกทัศน์ไทย
P. 42
9-32 โลกทัศน์ไทย
ในปี ค.ศ. 1837 ธรรมทตู ได้สัง่ แท่นพิมพเ์ ข้ามาเพือ่ ใช้พิมพ์หนงั สือ ซึ่งพิมพ์ได้ 3 ภาษา คอื ไทย
ญวน อังกฤษ และไดก้ ลายมาเปน็ โรงพมิ พ์อัสสมั ชญั ในปจั จุบนั
พระสังฆราชในขณะนน้ั คือ พระคณุ เจา้ กรู เวอซี ท่านได้แต่งตั้งพระสังฆราชผชู้ ว่ ย คือ พระคณุ -
เจา้ ปลั เลอกวั ซ์ ซง่ึ ไดศ้ กึ ษาภาษาไทยจนแตกฉาน ทา่ นไดเ้ ขยี นพจนานกุ รมองั กฤษ-ไทย ลาตนิ -ไทย และ
ไทย-ลาติน-ฝร่ังเศส-อังกฤษ และยังได้เขียนงานด้านประวัติศาสตร์ไว้อีกมากมาย คริสตชนในสมัยนั้น
รวมกนั อยเู่ ปน็ “คา่ ย” เพอื่ รกั ษาความเปน็ “ชวี ติ ครสิ ตชน” ไว้ มหี วั หนา้ คอยดแู ลการเขา้ เวรของไพร่ คอื
เดือนละ 1 สัปดาห์ (หรือปีละ 3 เดือน) และยังคอยดูแลความเรียบร้อย และคอยให้ความเป็นธรรมแก่
ผูร้ อ้ งเรียนท่ีไดร้ ับความเดอื ดรอ้ นดว้ ย
ความก้าวหน้าในการเผยแผ่ศาสนาที่เห็นได้ชัดเจน อาจกล่าวได้ว่าเกิดข้ึนใน ค.ศ. 1841 มิสซัง
สยามซ่ึงครอบคลุมดนิ แดนกว้างขวางดงั ได้กล่าวมา ถกู แบง่ ออกเป็น 2 เขต คือ
1) เขตตะวันออก อนั ไดแ้ ก่ ราชอาณาจักรไทย ลาว อยใู่ นความดูแลของท่านปลั เลอกวั ซ์
2) เขตตะวันตก อันได้แก่ มลายู สมุ าตรา พม่าตอนใต้ อยู่ในความดแู ลของทา่ นกูรเวอซี
ดังเช่นทไี่ ด้กล่าวมาว่า การเผยแผ่ศาสนามกั พบอปุ สรรค เช่น ใน ค.ศ. 1849 ไดเ้ กิดอหิวาตกโรค
ระบาดในกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประสงค์ให้จัดพิธีอาพาธพินาศ จึงทรง
ใชใ้ หพ้ ระสงั ฆราชถวายสตั วเ์ พอื่ นำ� มาทำ� พธิ นี ้ี พระสงฆจ์ ำ� นวนหนง่ึ เหน็ วา่ เปน็ การกระทำ� นอกรตี (heresy)*
จึงคดั ค้าน พระสังฆราชจงึ นำ� ความเห็นดงั กลา่ วขนึ้ กราบทลู ในหลวงรชั กาลที่ 3 พระองค์ทรงกริว้ มาก จงึ
ทรงสงั่ จบั พระสงฆท์ งั้ หมด ใหท้ าํ ลายวดั บา้ นพกั ของพระสงฆ์ และบงั คบั ใหค้ รสิ ตชนละทงิ้ ศาสนาครสิ ตเ์ สยี
พระสังฆราชเห็นว่า การแข็งขืนในเรื่องนจ้ี ะมผี ลเสียหายทร่ี ้ายแรงติดตามมา จึงยอมถวายสัตว์ที่
จะใช้ในพิธีอาพาธพินาศ การยินยอมนี้ท�ำให้ในหลวงรัชกาลท่ี 3 ทรงคลายพระพิโรธ และทรงให้ยกเลิก
พระบรมราชโองการเดมิ เสยี แตท่ รงใหเ้ นรเทศกลมุ่ ธรรมทตู ทค่ี ดั คา้ นพระสงั ฆราช ใหเ้ หลอื อยแู่ ตพ่ ระสงฆ์
พนื้ เมอื ง เมอ่ื เรอื่ งทราบถงึ กรงุ โรม สมณกระทรวงเผยแพรค่ วามเชอื่ พจิ ารณาวา่ สง่ิ ทพี่ ระสงั ฆราชปลั เลอกวั ซ์
ท�ำนั้นถือว่าถูกต้อง เพราะหากไม่กระท�ำเช่นน้ัน คงจะต้องมีผลกระทบต่อการเผยแผ่ศาสนาอย่างรุนแรง
ความวุน่ วายต่างๆ จึงยตุ ลิ ง
2.2 ยุคใหม่ (ตั้งแต่รัชกาลท่ี 4 ทรงเสวยราชสมบัติ จนถึงสมัยสภาสังคายนาสากลวาติกันท่ี
2) อาจกล่าวได้วา่ ยุคน้ีเปน็ ยุคของความกา้ วหน้าของการเผยแผ่ศาสนา อปุ สรรคต่างๆ ได้รบั การแกไ้ ข
ใหน้ อ้ ยลง และปจั จัยท่สี ำ� คัญท่สี ุดคือ พระบรมราชปู ถัมภข์ องในหลวงรชั กาลท่ี 4
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัวทรงรจู้ กั กบั พระสังฆราชปัลเลอกัวซ์ตงั้ แต่ยังทรงผนวชอยู่
ทรงแลกเปลยี่ นความรดู้ า้ นตา่ งๆ กบั พระสงั ฆราช ทำ� ใหท้ รงเขา้ ใจการทำ� งานตา่ งๆ ของธรรมทตู เปน็ อยา่ งดี
เมอื่ ทรงเสวยราชสมบตั ติ อ่ พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั กท็ รงอนญุ าตใหธ้ รรมทตู ทต่ี อ้ งเนรเทศไป
2 ปีกลบั เขา้ ประเทศได้ ทรงให้เสรภี าพทางศาสนาและทรงใหค้ รสิ ตชนปกครองกนั เอง โดยมหี วั หน้าคอย
ดแู ล นอกจากนั้นยังทรงอนญุ าตให้ครสิ ตชนไม่ต้องถือนำ้� พระพิพัฒน์สตั ยาอกี ดว้ ย
* การกระทำ� นอกรตี คอื การกระทำ� ทขี่ ดั แยง้ กบั คำ� สอนของศาสนา ถอื เปน็ บาป ผทู้ ก่ี ระทำ� นอกรตี หรอื เผยแพรค่ วามคดิ
นอกรตี เรยี กพวกนอกรตี (Heretic) ซ่งึ มักจะถูกคริสตจกั รประกาศควำ�่ บาตร (หรือเรยี กบัพพาชนยี กรรม–Excommunication)